นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ได้มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท. โดยการโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมัน รวมถึงสินทรัพย์และหนี้สินของหน่วยธุรกิจดังกล่าว ตลอดจนหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้แก่ บริษัท ปตท. ธุรกิจค้าปลีก จำกัด และการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTT Oil and Retail Business Company Limited,PTTOR)
และการให้ PTTOR เป็นบริษัทแกน (Flagship Company) ของกลุ่มปตท. ในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก และแผนการเสนอขายหุ้นสามัญเบื้องต้นของ PTTOR ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก และการนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (การปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท.) และเห็นชอบให้ ปตท .นำเสนอการปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท.ดังกล่าว ต่อหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) คณะรัฐมนตรี และที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ ปตท. เพื่อพิจารณาอนุมัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
การปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท.ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความชัดเจน โปร่งใสในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท.ในสายตาสาธารณชน อีกทั้งยังช่วยให้หน่วยธุรกิจน้ำมันมีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และสามารถปรับตัวกับสถานการณ์การแข่งขันที่สูงขึ้นได้ทันท่วงที
ทั้งนี้ ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ PTTOR จะเป็นบริษัทแกน (Flagship Company) ในการประกอบธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกในอนาคต โดยมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจะดำเนินการกระจายหุ้นสู่ประชาชนอย่างทั่วถึงเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจน้ มันและค้าปลีกของบริษัทฯ ผ่านการลงทุนในหุ้นของ PTTOR
โดยรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญของPTTOR นั้น เมื่อบริษัทฯ กำหนดสัดส่วนจำนวนหุ้น IPO ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ และ/หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น (แล้วแต่กรณี) เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ทั้งนี้ในเบื้องต้น บริษัทฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ PTTOR โดย ปตท. และหน่วยงาน ของรัฐมีนโยบายจะถือหุ้นใน PTTOR ต่ำกว่าร้อยละ 50.0 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ภายหลังจากที่มีการเสนอขายหุ้นของ PTTOR และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้ง บริษัทฯ จะกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นขั้นต่ำใน PTTOR ที่อย่างน้อยร้อยละ 45.0 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯและ PTTOR จะวางแผนและกำหนดหลักเกณฑ์การกระจายหุ้นอย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าหุ้นของ PTTOR ในการ IPO จะกระจายไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึงมากที่สุด
เนื่องจากการโอนกิจการในครั้งนี้ ถือเป็นการปรับโครงสร้างของกลุ่มกิจการภายใต้การควบคุมเดียวกัน ( Under Common Control) ของบริษัทฯ ดังนั้น การโอนกิจการในครั้งนี้จึงไม่มีผลกระทบที่เป็นสาระสำคัญต่อภาพรวมของงบการเงินรวมของบริษัทฯ (ทั้งงบแสดงฐานะทางการเงินรวมและงบกำไรขาดทุนรวม)ยกเว้นค่าใช้จ่ายในการทำรายการและภาษีที่เกี่ยวข้องที่ จะถือเป็นรายจ่ายในงบการเงินของบริษัทฯ
ข้อมูลเบื้องต้น ณ 30 ก.ย.59 สินทรัพย์และหนี้สินที่เกี่ยวกับหน่วยธุรกิจที่บริษัทฯจะโอนให้ PTTOR ได้แก่ มีสินทรัพย์รวม 67,776 ล้านบาท หนี้สินรวม 38,545 ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิ 29,231 ล้านบาท
ภายหลังการรับโอนกิจการ ณ 30 ก.ย.59 จะมีสินทรัพย์รวม 86,405 ล้านบาทหนี้สินรวม 45,952 ส่วนของผู้ถือหุ้น 40,453 ล้านบาท จากสิ้นปี 58 มีสินทรัพย์รวม 83,679 ล้านบาท หนี้สินรวม 43,321 ส่วนของผู้ถือหุ้น 40,358 ล้านบาท
ส่วนงบกำไรขาดทุน หลังโอนกิจการ งวด 9 เดือนปี 59 มีรายได้ขายและบริการ 353,613 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13,577 ล้านบาท เทียบกับปี 58 ที่มีรายได้ขายและบริการ 510,747 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10,229 ล้านบาท
การปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท.ครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ ได้แก่ การปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท.จะช่วยสร้างความชัดเจนในโครงสร้างของบริษัทฯ ซึ่ง PTTOR จะถูกจัดตั้งเป็นบริษัทแกน (Flagship) ในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกของกลุ่มปตท. ในอนาคต โดยมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจและสรรหาโอกาสในการเติบโตที่ชัดเจน อันจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลและบริหารจัดการกิจการในกลุ่มปตท.
นอกจากนี้บริษัทฯ จะนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความโปร่งใส(Transparency) ในสายตาของสาธารณชนต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากจะมีการเปิดเผยข้อมูลที่มากขึ้น ซึ่งรวมถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของ PTTOR
เมื่อบริษัทฯ ปรับโครงสร้างธุรกิจเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ มีแผนจะนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย ปตท. และหน่วยงานของรัฐมีนโยบายจะถือหุ้นใน PTTOR ต่ำกว่าร้อยละ 50.0 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ภายหลังจากที่มีการเสนอขายหุ้นของ PTTOR และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯรวมทั้ง บริษัทฯ จะกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นขั้นต่ำใน PTTOR ที่อย่างน้อยร้อยละ 45.0 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วซึ่งจะทำให้ PTTOR มีสถานะเป็นบริษัทเอกชน โดยคาดว่าแผนดำเนินงานดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมและกระตุ้นตลาดทุนไทย อีกทั้งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ดึงดูดบุคลากรที่มีประสบการณ์ และความรู้ความสามารถ และแสวงหาพันธมิตรในการขยายธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกของบริษัทฯ อย่างมีประสิทธิภาพตามกลไกลการตลาด อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับรัฐและประเทศในรูปของภาษีเงินได้
นอกจากนี้ ศักยภาพในการดำเนินงานและขยายกิจการจะเพิ่มขึ้นเนื่องจาก PTTOR จะมีความคล่องตัวที่เพิ่มมากขึ้น ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท.ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพ เช่น เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการประกอบธุรกิจผ่านการให้สิทธิ Franchise
และสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจและนำพาผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล อาทิ การขยายสถานีบริการน้ำมันปตท. และสาขาธุรกิจค้าปลีกในประเทศเพื่อนบ้าน การขยายตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสู่ตลาดโลก เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่แบรนด์ไทย และเป็นช่องทาง สำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายสู่ตลาด AEC โดยอาศัยการเปิดตลาดควบคู่ไปกับแบรนด์ ปตท. ซึ่งเป็นแบรนด์สถานีบริการน้ มันไทยที่เริ่มได้รับความนิยมในตลาด AEC
อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินงานการปรับโครงสร้างธุรกิจปตท.ในครั้งนี้ จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทฯ มีแผนการดำเนินงานดังต่อไปนี้
1 บริษัทฯ จะต้องได้รับการอนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท.จากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน และ คนร. เป็นต้น
2 บริษัทฯ จะต้องได้รับมติจากคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติการเข้าทำรายการตามข้อ 7.1
3 บริษัทฯ จะต้องได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพื่ออนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจ ปตท.ซึ่งเข้าข่าย เป็นรายการตามมาตรา 107(2)(ก) ของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535
4 บริษัทฯ ดำเนินการโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมัน รวมถึงสินทรัพย์และหนี้สินของหน่วยธุรกิจดังกล่าวตลอดจนหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้แก่ PTTOR
5 บริษัทฯจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการให้สิทธิใช้ทรัพย์สินของรัฐแก่ PTTOR รวมทั้งการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้หลักเกณฑ์และขั้นตอนตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 นอกจากนั้น PTTOR มีแผนการดำเนินงานดังต่อไปนี้
6 PTTOR จะต้องได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติให้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด" (PTT Oil and Retail Business Company Limited, “PTTOR")
7 PTTOR จะต้องได้รับมติจากที่ประชุมคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการดำเนินการการรับโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมัน และการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และการเพิ่มทุน โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ให้แก่บริษัทฯ เพื่อการรับโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมันของบริษัทฯ