นายศุภชัย สุกาญจนาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง (STHAI) คาดว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4/59 จะมีผลกำไรจำนวนที่มีนัยสำคัญ สามารถชดเชยกับผลขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 และ 2 จนมีผลกำไรจากการดำเนินงานสุทธิในปี 2559 มีคุณสมบัติในการขอพ้นเหตุเพิกถอนและสามารถเข้าสู่ขั้นตอนที่จะนำเสนอหลักทรัพย์ของบริษัทให้ตลาดหลักทรัพย์ฯพิจารณาเพื่อขออนุญาตกลับเข้าซื้อขายโดยปกติในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ในต้นปี 60
สำหรับความคืบหน้าในการทำแผนพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจในไตรมาส 3/59 บริษัทได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของบริษัท ได้แก่ การปรับปรุงชนิดของเชื้อเพลิง สำหรับใช้ในการเดินเครื่องระบบหม้อต้มไอน้ำ ทำให้การเดินเครื่องด้วยระบบไอน้ำมีความมั่นคงขึ้น หลังจากที่สัญญาการจ้างเหมากับริษัท แอดวานซ์ เพาเวอร์ คอนเวอร์ชั่น จำกัด (APCON) สิ้นสุดง บริษัทฯเป็นผู้ดำเนินการโดยทีมงานของบริษัทเอง และ ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงลดลง จากการบริหารจัดการด้านเชื้อเพลิงของฝ่ายบริหาร ทำให้สามารถลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และรักษาระดับค่าใช้จ่ยเชื้อเพลิงได้ประมาณเดือนละไม่เกิน 5 ล้านบาท
รวมทั้งการปรับปรุงสายการผลิตใหม่แบบยกเครื่องทั้งหมด (Over hual) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนก.ย.59 บริษัทจึงสามารถเดินเครื่องการผลิตได้เต็มที่ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.59 เป็นต้นมา ทำให้สามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิต 78 ล้านชิ้นต่อเดือน
นอกจากนี้ บริษัทได้ศึกษาความเป็นได้ของโครงการก่อสร้างโรงผลิตไฟฟ้าขนาด 3-4 เมกะวัตต์ เพื่อนำกระแสไฟฟ้ามาใช้ภายในโรงงานและใช้ร่วมกันกับระบบเชื้อเพลิงและระบบหม้อต้มไอน้ำโดยใช้โรงงานผลิตไอน้ำเชื้อเพลิงชีวมวล ที่บริษัทได้ลงทุนไปแล้ว ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 50 ตันไอน้ำ และนำไอน้ำส่วนเกินออกจำหน่ายให้กับโรงงานน้ำยางในบริเวณใกล้เคียง
และการลงุทนใน NRE ได้รับผลกำไรเฉลี่ยตามสัดส่วนการลงทุนของบริษัท จำนวน 10.6 ล้านบาท เนื่องจากการที่ NRE ขายเงินลงทุนใน R-EEP กำไร 27 ล้านบาท แม้ว่าจะเป็นกำไรจากการลงทุนของ NRE ก็ตาม แต่ก็ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของ NRE สูงขึ้น และคาดว่า NRE จะมีผลประกอบการที่มีกำไรเป็นผลตอบแทนในเชิงบวก ซึ่งบริษัทฯจะติดตามผลต่อไป
ทั้งนี้ จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการขาย ทำให้บริษัทมีผลจากการดำเนินงานและกำไรเบ็ดเสร็จ จำนวนเงิน 5.187 ล้านบาท และ 16.685 ล้านบาท และคาดว่าในไตรมาสที่ 4/59 บริษัทจะสามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิต คือผลิตถุงมือมากกว่า 70 ล้านชิ้น หรือ 210 ล้านชิ้น และทำการขายในไตรมาสนี้ได้ 210 ล้านชิ้น ซึ่งรวมทั้งนำสินค้าคงคลัง จำนวน 118 ล้านชิ้นมาขายให้แก่ลูกค้า