บมจ.พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ (PE) แจ้งว่าศาลฎีกามีคำพากษาให้บริษัท ร่วมกันชดใช้หนี้ค่าภาษีอากรค้างรวม 251.70 ล้านบาทให้แก่กรมสรรพากร ซึ่งภาษีอากรดังกล่าวเป็นภาระของกิจการร่วมค้า โดยบริษัทจะหาแนวทางการดำเนินการให้กิจการร่วมค้า ชำระภาษีอากรคงค้างดังกล่าวแก่กรมสรรพากรต่อไป
PE แจ้งว่าเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้รับแจ้งผลและสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกา จากสำนักงานทนายความที่บริษัทได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.59 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 5316/2559 ระหว่างกรมสรรพากร ซึ่งเป็นโจทก์ กับบริษัท ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และบริษัท พรีเมียร์ อินฟราสตรัคเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จำเลยที่ 2 โดยให้บริษัท และบริษัท พรีเมียร์ อินฟาสตรัคเจอร์ จำกัด ร่วมกันชดใช้หนี้ค่าภาษีอากรค้างรวม 251.7 ล้านบาท ให้แก่โจทก์
ซึ่งการวินิจฉัยของศาลฎีกาดังกล่าวเป็นการแก้ไขคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง ที่ได้เคยวินิจฉัยให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนของบริษัทที่ไม่ต้องร่วมชดใช้หนี้ค่าภาษีอากรค้างดังกล่าว
ค่าภาษีอากรค้างดังกล่าว เป็นภาระภาษีเงินได้และภาระภาษีมูลค่าเพิ่มของกิจการร่วมค้าบริษัท ,บริษัท เพท เอ็นจิอเนียส์ อิงค์ และบริษัท ล็อควูด แอนดรูส์ แอนด์ นิวแนม อิงค์ (กิจการร่วมค้าพีอี-เพทแลน) ในช่วงปี 44-47 ซึ่งมิใช่ภาระภาษีที่บริษัทเป็นผู้ก่อขึ้น หรือมีส่วนในการดำเนินกิจการของกิจการร่วมค้าพีอี-เพทแลน เนื่องจากบริษัทได้พ้นจากการเป็นหุ้นส่วนของกิจการร่วมค้าพีอี-เพทแลน มาตั้งแต่ปี 43 แล้ว แต่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่าการที่บริษัทยังคงให้กิจการร่วมค้าใช้ชื่อตนเป็นส่วนหนึ่งของกิจการร่วมค้าพีอี-เพทแลน บริษัทจึงต้องร่วมรับผิดกับหนี้สินของกิจการร่วมค้าพีอี-เพทแลน รวมทั้งหนี้ค่าภาษีอากรค้างต่อกรมสรรพากรด้วย
บริษัทขอยืนยันว่าภาระภาษีอากรค้างดังกล่าว มิได้เกิดหรือมีสาเหตุมาจากการดำเนินการของบริษัท และบริษัทก็มิได้รับประโยชน์ใด ๆ จากการละเลยไม่เสียภาษีอากรค้างของกิจการร่วมค้าพีอี-เพทแลน หากแต่กรมสรรพากรได้ใช้ข้อกฎหมายในเรื่องที่กิจการร่วมค้าพีอี-เพทแลน ยังใช้ชื่อบริษัทอยู่ มาเรียกร้องให้บริษัทต้องรับผิดชอบภาระภาษีโดยอ้อมแทนตามคำพิพากษาศาลฎีกาข้างต้น
ทั้งนี้ บริษัทจะหาแนวทางในการดำเนินการให้กิจการร่วมค้าพีอี-เพทแลน ซึ่งเป็นผู้ที่จะต้องรับผิดชอบโดยตรงชำระค่าภาษีอากรค้างให้แก่กรมสรรพากร และจะแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการต่อไป