SSI เผยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูฯ และให้บริษัทเป็นผู้บริหารแผน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 15, 2016 18:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) แจ้งว่าวันนี้ ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีบริษัทเป็นผู้บริหารแผน ซึ่งจะมีการปรับโครงสร้างทุน ด้วยการลดทุนจดทะเบียนก่อนแปลงหนี้เป็นทุนให้กับกลุ่มเจ้าหนี้ ขณะที่จะมีการชำระหนี้ด้วยกระแสเงินสดให้กลุ่มเจ้าหนี้บางส่วน โดยวางเป้าหมายเมื่อชำระหนี้เงินต้นคงค้างให้แก่เจ้าหนี้ทุกรายตามแผนฟื้นฟูฯ ในจำนวนไม่น้อยกว่า 25% ของภาระหนี้เงินต้นคงค้าง และส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินเป็นบวก ตลอดจนได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมเจ้าหนี้ ให้ถือว่าการฟื้นฟูกิจการดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผน

สำหรับสาระสำคัญของแผนฟื้นฟูกิจการ มีการจัดกลุ่มเจ้าหนี้ที่ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้รวม 13 กลุ่ม รวมมูลหนี้ 6.92 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น หนี้เงินบาท จำนวน 3.38 หมื่นล้านบาท ,เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ 990.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ,เงินสกุลปอนด์สเตอร์ลิง 4.66 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง และเงินสกุลยูโร 8.93 หมื่นยูโร

เจ้าหนี้ทั้ง 13 กลุ่ม ได้แก่ เจ้าหนี้กลุ่มที่ 1 คือ เจ้าหนี้มีประกัน รวมมูลหนี้ 9.79 พันล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 คือ เจ้าหนี้สถาบันการเงิน ในภาระหนี้ส่วนที่เกินกว่ามูลค่าหลักประกัน 1.47 หมื่นล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 3 คือ เจ้าหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ร่วมตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ 4.49 พันล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 คือ เจ้าหนี้ภาระค้ำประกันการชำระหนี้เงินกู้ 2.99 หมื่นล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 คือ เจ้าหนี้ผู้จำหน่ายวัตถุดิบหลัก 1.76 พันล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 คือ เจ้าหนี้หน่วยงานราชการและภาครัฐ 381.42 ล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 7 คือ เจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท 873.16 ล้านบาท

เจ้าหนี้กลุ่มที่ 8 คือ เจ้าหนี้การค้า 15.5 ล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 9 คือ เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกันร่วม 3.77 พันล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 10 คือ เจ้าหนี้ภาระค้ำประกันความเสียหายในอนาคต 1.19 พันล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 11 คือ เจ้าหนี้ค่าปรับและ/หรือค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญา 279.39 ล้านบาท ,เจ้าหนี้กลุ่มที่ 12 คือ เจ้าหนี้ค่าธรรมเนียมในการให้บริการตามสัญญาว่าจ้างที่ปรึกษา 1.95 พันล้านบาท และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 13 คือ เจ้าหนี้ผู้ออกหนังสือค้ำประกัน 106.49 ล้านบาท

ส่วนแผนการปรับโครงสร้างทุนนั้น บริษัทจะมีการลดทุนจดทะเบียนและเพิ่มทุนจดทะเบียนตามแผน โดย ณ วันที่ศาลฯมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการ บริษัทมีทุนจดทะเบียน 5.03 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 5.03 หมื่นล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้ว 3.22 หมื่นล้านบาท และเป็นทุนที่ยังไม่ได้เรียกชำระ 1.81 หมื่นล้านบาท

ตามแผนการปรับโครงสร้างทุน จะมีการลดทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้จัดสรร หลังจากนั้นภายใน 90 วันนับจากวันที่ศาลฯเห็นชอบด้วยแผน จะดำเนินการลดทุนจดทะเบียนจาก 3.22 หมื่นล้านบาท เป็นประมาณ 1.11 พันล้านบาท โดยการลดจำนวนหุ้นในสัดส่วนจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม ประมาณ 29 หุ้น เป็น 1 หุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวนประมาณ 1.11 พันล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนประมาณ 1.11 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท

หลังจากนั้นจะดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วอีก 1 หมื่นล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 1 หมื่นล้านหุ้น รองรับการแปลงหนี้เป็้นทุนให้กับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 และ/หรือกลุ่มที่ 3 และ/หรือกลุ่มที่ 4 ตามเงื่อนไขที่กำหนดในหลักเกณฑ์และขั้นตอนการแปลงหนี้เป็นทุน ครั้งที่ 1 ในราคาแปลงหนี้เป็นทุนหุ้นละ 0.05 บาทต่อ 1 หุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 1.11 หมื่นล้านบาท

ภายหลังจากการเพิ่มทุนเพื่อแปลงหนี้เป็นทุนครั้งที่ 1 แล้วเสร็จ ในกรณีที่เจ้าหนี้ที่อาจได้รับการแปลงหนี้เป็นทุนครั้งที่ 2 จะได้รับชำระหนี้ด้วยสามัญของบริษัท ตามเงื่อนไขที่กำหนดในหลักเกณฑ์และขั้นตอนการแปลงหนี้เป็นทุน ครั้งที่ 2 ของแผน ผู้บริหารแผนมีหน้าที่เพิ่มทุนจดทะเบียนและเพิ่มทุนชำระแล้ว โดยออกหุ้นเพิ่มทุนในจำนวนที่เพียงพอ เพื่อรองรับการแปลงหนี้เป็นทุน

นอกจากนี้ภายใต้หลักการชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามแผนนี้ ผู้บริหารแผนมีหน้าที่ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและเพิ่มทุนชำระแล้ว โดยออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรองรับการแปลงหนี้เป็นทุน ให้กับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 7 ,กลุ่มที่ 9 และกลุ่มที่ 12 ของแผน ในราคาแปลงหนี้เป็นทุนหุ้นละ 0.05 บาทต่อ 1 หุ้น

สำหรับการชำระหนี้ตามกลุ่มของเจ้าหนี้นั้น จะชำระภาระเงินต้นคงค้างจากกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ หรือกระแสเงินสดส่วนเกิน โดยเจ้าหนี้จะได้รับการผ่อนชำระเป็นรายเดือน และจะได้รับดอกเบี้ยด้วยสำหรับเจ้าหนี้บางกลุ่ม ขณะที่เจ้าหนี้บางกลุ่มก็จะได้รับชำระหนี้ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน เป็นต้น

ความสำเร็จของแผนที่วางเป้าหมายนั้น คือเมื่อบริษัทได้ชำระเงินต้นคงค้างให้แก่เจ้าหนี้ทุกรายตามแผนฟื้นฟูกิจการในจำนวนไม่น้อยกว่า 25% ของภาระหนี้เงินต้นคงค้างที่ต้องจ่ายชำระตามแผน และบริษัทได้รับเงินลงทุนใหม่จากผู้ร่วมลงทุนมาชำระหนี้ เป็นผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินเป็นบวก หรือมีการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ และทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินป็นบวก เกิดขึ้น และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการเจ้าหนี้ ให้ถือว่าการฟื้นฟูกิจการได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผนแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ