ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ บมจ.อาฟเตอร์ ยู ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ AU เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและวันเริ่มซื้อขายในวันที่ 23 ธ.ค.59 โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับ ตลท.725,000,000 หุ้น หุ้นชำระแล้ว 725,000,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 72,500,000 บาท โดยมีจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 165,000,000 หุ้น ที่ราคา IPO หุ้นละ 4.50 บาท
AU ดำเนินธุรกิจจำหน่ายขนมหวาน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. ธุรกิจร้านขนมหวาน ภายใต้ชื่อ "ร้านอาฟเตอร์ ยู" และ "ร้านเมโกริ" และ 2. ธุรกิจบริการจัดงานนอกสถานที่และการรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทให้กับลูกค้ากลุ่มต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการสายการบิน และร้านอาหาร เป็นต้น นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาด mai กล่าวว่า AU มีมูลค่าการระดมทุนรวม 735 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,262.50 ล้านบาท มีบล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ ของ AU กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทใส่ใจในการเลือกสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และการให้บริการที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยสร้างระบบงานที่แข็งแกร่ง และเพิ่มฐานทุนให้กับบริษัทเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต โดย AU จะนำเงินที่ระดมทุนได้ลงทุนขยายธุรกิจของบริษัท ชำระคืนเงินกู้ และเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน AU มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มนางสาวกุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ ถือหุ้น 42.48% กลุ่มนายแม่ทัพ ต.สุวรรณ ถือหุ้น 34.76% และกลุ่มนามสกุลอารีเจริญเลิศ ถือหุ้น 3.98% ทั้งนี้ ในวันแรกที่เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท อาจจะเสนอขายหุ้นสามัญเดิมที่ตนถืออยู่ต่อบุคคลในวงจำกัด จำนวนไม่เกิน 50 ราย รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 52.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 7.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท บนกระดานรายใหญ่ (Big-lot Board) ในราคาเสนอขายเดียวกับราคา IPO
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (book building) โดยราคาเสนอขายหุ้น IPO อยู่ที่ 4.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 34.6 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการ 12 เดือนย้อนหลัง (ต.ค.58-ก.ย.59) ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 95.3 ล้านบาทหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.13 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด