บมจ.เอ็นเนอร์ยี่เอิร์ธ (EARTH) แจ้งการพิจารณาปันผล
เรื่อง : จ่ายปันผลเป็นเงินสด วันที่คณะกรรมการมีมติ : 27 ก.พ. 2560 ชนิดการปันผล : จ่ายปันผลเป็นเงินสด วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) : 14 มี.ค. 2560 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รั : 15 มี.ค. 2560 บปันผล ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 10 มี.ค. 2560 จ่ายให้กับ : ผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น) : 0.10 มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาท) : 1.00 วันที่จ่ายปันผล : 19 พ.ค. 2560 จ่ายปันผลจาก : งวดดำเนินงานวันที่ 01 ม.ค. 2559 ถึงวันที่
31 ธ.ค. 2559
นายขจรพงศ์ คำดี ประธานกรรมการบริหาร EARTH เปิดเผยว่า ปี 60 จะเป็นปีแห่งการกลับมาเทิร์นอะราวด์อย่าง ชัดเจนของกลุ่มบริษัทฯ โดยตั้งเป้าปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินจะเติบโตแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ 15 ล้านตัน ส่วนรายได้จากการขาย ถ่านหินตั้งเป้าไว้ที่ 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 59 ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 872 ล้านบาท ขณะที่ ปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินอยู่ที่ระดับ 12.6 ล้านตัน และรายได้จากการขายถ่านหินเท่ากับ 18,491 ล้านบาท
สาเหตุเนื่องมาจากกลุ่มบริษัทฯ สามารถจำหน่ายถ่านหินได้ในปริมาณที่สูงขึ้นตามออเดอร์ที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดย เฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นโรงไฟฟ้าที่ประเทศจีน หลังจากที่มีการปิดเหมืองที่ไม่ได้มาตรฐานลง ซึ่งออเดอร์จากจีนที่เข้ามาผ่านบริษัท ย่อยของ EARTH ที่ตั้งอยู่ประเทศจีน คือ Guangdong Energy Earth Co.,ltd ที่มีออเดอร์แล้วประมาณ 60% ประกอบกับราคา ถ่านหินจำหน่ายเฉลี่ยต่อตันปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะราคาตลาดโลก ขณะที่คำสั่งซื้อจากลูกค้าที่ประเทศไทย เกาหลีใต้ อินเดีย บังคลา เทศ ใต้หวัน และฮ่องกงยังคงมีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับทิศทางราคาถ่านหินปีนี้ คาดการณ์ว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 20 % จากปี 59 โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 55- 60 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ ได้รับผลดีค่อนข้างมากทั้งในแง่ของปริมาณและราย ได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าต่อจากนี้ความต้องการใช้ถ่านหินจะยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการก้าวสู่โหมดของการกลับมาเทิร์นอะราวด์อย่างยิ่งใหญ่ของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากได้รับผลดีจากราคา ถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ออเดอร์ยังมีเข้ามาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะลูกค้าจากประเทศจีนที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว 60% ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ยังคงเน้นไปที่การบริหารจัดการในธุรกิจจัดจำหน่ายถ่านหินให้เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะเรื่องการ บริหารต้นทุน การรักษาผลประกอบการ รักษาฐานลูกค้าเก่า ขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนการลงทุนในธุรกิจ โรงไฟฟ้า บริษัทฯ ยังไม่มีนโยบายที่จะลงทุนในขณะนี้"นายขจรพงศ์ กล่าว