บมจ.ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น (SYMC) แจ้งว่ากลุ่มบริษัท ไทม์ ดอทคอม เบอร์ฮาด (TIME dotCom Berhad) จากมาเลเซีย จะทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของบริษัทขั้นต่ำ 35% แต่ไม่เกิน 37% ที่หุ้นละ 12.20 บาท หลังจากนั้นเมื่อการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนเสร็จสิ้นบริษัทจะเพิ่มทุน 113.51 ล้านหุ้น ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) ที่ 2.86-2.92 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 8.80 บาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 4/60 ซึ่งเป็นไปตามแผนการหาพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
SYMC ระบุว่าตามที่บริษัทได้เคยชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่าอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรทางธุรกิจนั้น เมื่อวานนี้บริษัทได้รับหนังสือจากบริษัท ไทม์ ดอทคอม เบอร์ฮาด แจ้งถึงเจตนาในการเข้าลงทุนในบริษัท ซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัท ไทม์ ดอทคอม อินเตอร์เนชันแนล เอสดีเอ็น บีเอชดี (TIME dotCom International Sdn Bhd) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ผู้ยื่นข้อเสนอถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด (ผู้ยื่นข้อเสนอ)
การทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน (Partial Tender Offer) เพื่อซื้อหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วของบริษัทจากผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราขั้นต่ำ 35% แต่ไม่เกิน 37% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของบริษัท ในราคาเสนอซื้อที่ 12.20 บาทต่อหุ้น แต่หากมีผู้ถือหุ้นแสดงเจตนาขายหุ้นมากกว่า 37% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของบริษัท ผู้ยื่นข้อเสนอจะรับซื้อโดยใช้วิธีจัดสรรตามสัดส่วนของจำนวนหุ้นที่มีผู้แสดงเจตนาขาย (pro-rate)
ทั้งนี้ ผู้ยื่นข้อเสนอเป็นบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศมาเลเซียและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซา มาเลเซีย โดยผู้ยื่นข้อเสนอดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม ซึ่งให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายทั้งในประเทศมาเลเซียและระหว่างประเทศแบบครบวงจร รวมทั้งให้บริการในการจัดเก็บรักษาข้อมูล (Data Center) โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดประมาณ 5 พันล้านริงกิตมาเลเซีย หรือเทียบเท่า 4 หมื่นล้านบาท
สำหรับหนังสือแจ้งความประสงค์ฯ กำหนดให้เงื่อนไขบังคับก่อนดังต่อไปนี้จะต้องสำเร็จครบถ้วนภายใน 200 วัน นับแต่วันที่ของหนังสือแจ้งความประสงค์ฯ ได้แก่
(1) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน
(2) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนของบริษัท และการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ภายหลังจากการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนเสร็จสิ้น ตามเงื่อนไขราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น จะต้องไม่สูงกว่า 8.80 บาทต่อหุ้น และการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น มีจำนวนประมาณ 1 พันล้านบาท และการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว จะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขว่าการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนเสร็จสมบูรณ์ และผู้ยื่นข้อเสนอเข้าเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วนตามที่แจ้งความประสงค์ไว้แล้ว เพื่อให้ผู้ยื่นข้อเสนอมีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว
(3) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติให้ผู้ยื่นข้อเสนอเข้าทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน จากผู้ถือหุ้นของบริษัท
(4) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อนุมัติให้ผู้ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อหุ้นจากการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน และจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น ทั้งนี้ ตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการการควบรวมและการถือหุ้นไขว้ในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553
(5) ผู้ยื่นข้อเสนอเข้าทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่อื่นๆ ของบริษัท ซึ่งในสัญญาดังกล่าวจะระบุถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการย่อยกลุ่มต่างๆ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวจะต้องไม่ทำให้คู่สัญญาภายใต้สัญญาดังกล่าวถูกถือว่าเป็นบุคคลที่กระทำการร่วมกันภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับ
(6) ธนาคารกลางของประเทศมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia) อนุมัติให้ผู้ยื่นข้อเสนอและ/หรือบริษัทย่อยของผู้ยื่นข้อเสนอ เข้าทำการลงทุนที่มีนัยสำคัญในต่างประเทศด้วยเงินลงทุนสกุลอื่นนอกเหนือจากริงกิตมาเลเซีย ทั้งนี้ การอนุมัติของธนาคารกลางของประเทศมาเลเซียดังกล่าวจะต้องไม่กำหนดเงื่อนไขอันมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการใช้เงินลงทุนเพื่อลงทุนในต่างประเทศของผู้ยื่นข้อเสนอและ/หรือบริษัทย่อยของผู้ยื่นข้อเสนอ
(7) ตลอดระยะเวลานับแต่วันที่ของหนังสือแจ้งความประสงค์ฯ ของผู้ยื่นข้อเสนอจนถึงวันที่แบบคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 247-4) ที่ยื่นต่อสำนักงานก.ล.ต.มีผลใช้บังคับ บริษัทจะต้องดำเนินการจัดการกิจการของบริษัทด้วยความรอบคอบ และตัดสินใจดำเนินกิจการด้วยความระมัดระวังเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทเป็นสำคัญ รวมถึงจะไม่ประกาศจ่ายและจะไม่จ่ายเงินปันผล ไม่ว่าในรูปเงินสดหรือในรูปแบบอื่นใด และไม่ดำเนินการอันเป็นผลให้เกิดการแตกหุ้นหรือการปรับโครงสร้างทุนในลักษณะอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ตลอดจนไม่เข้าทำสัญญาที่สำคัญอื่นใดกับบุคคลอื่น หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อกำหนดในสัญญาที่สำคัญใด ๆ
(8) ภายในระยะเวลาสามเดือนนับแต่วันที่ของหนังสือแจ้งความประสงค์ฯ บริษัทจะต้องไม่ชักชวนให้บุคคลอื่นเข้าซื้อหรือจองซื้อหุ้นของบริษัทไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม
ทั้งนี้ ผู้ยื่นข้อเสนอไม่ได้มีการแสดงเจตนาว่า ภายในระยะเวลา 12 เดือน หลังจากที่เข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทแล้วจะดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือมีแผนหรือนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทแต่อย่างใด
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 มี.ค. มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 เพื่อพิจารณาข้อเสนอการเข้าร่วมลงทุนของผู้ยื่นข้อเสนอตามหนังสือแจ้งความประสงค์ฯ ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้ จะส่งผลให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเพื่อก่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เห็นชอบให้นำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาลดทุนจดทะเบียน โดยตัดหุ้นที่คงเหลือจากการจัดสรรหุ้นปันผลออก หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน โดยจะเพิ่มทุนเป็น 444.98 ล้านบาท จากเดิม 331.46 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 113.51 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ตามสัดส่วนระหว่าง 2.86-2.92 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ซึ่งจะมีการกำหนดอัตราที่แน่นอนในภายหลัง ขณะที่กำหนดราคาขายหุ้นเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 8.80 บาท ซึ่งคาดว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนจะเกิดขึ้นในช่วงราวไตรมาส 4/60
ทั้งนี้ บริษัทกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2560 ในวันที่ 26 เม.ย.60
นายธีรรัตน์ ปัณฑรสูตร กรรมการผู้จัดการของ SYMC กล่าวว่า การที่มีบริษัทที่ประกอบธุรกิจเชื่อมต่อโครงข่ายระดับโลกอย่าง TIME เข้ามาเป็นพันธมิตร จะช่วยให้โอกาสในการเติบโตในอนาคตของ SYMC เข้มแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมองเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของ SYMC และการที่มีพันธมิตรที่ดีในเวลาที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มความสามารถของเราในการเติบโตไปในอนาคตอย่างมาก
"เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ ความสามารถ และผลการดำเนินงานย้อนหลังในอดีตของ TIME ในการให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายทั้งในและระหว่างประเทศ รวมทั้งให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูล แก่ลูกค้า Wholesale และลูกค้าองค์กร ผมเชื่อว่า ธุรกรรมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว เนื่องจากหลังจากTIME เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SYMC แล้ว ผมเชื่อว่า TIME จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโครงข่ายที่มีคุณภาพสูงชั้นนำของประเทศและสามารถเชื่อมต่อโครงข่ายสู่ต่างประเทศผ่านโครงข่ายระหว่างประเทศของ TIME"นายธีรรัตน์ กล่าว
นายธีรรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มทุนรวมประมาณ 1 พันล้านบาทนั้น จะนำไปใช้สำหรับเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มโอกาสในการเติบโตผ่านการลงทุนต่าง ๆ ตามแผนการดำเนินงานทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งรวมไปถึงการขยายโครงข่ายโทรคมนาคมเดิมด้วย ซึ่งหลังจากธุรกรรมดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด ทางผู้บริหารของ SYMC และ TIME จะร่วมกันพิจารณาโอกาสในการลงทุนด้านต่าง ๆ ของบริษัท เพื่อขยายและพัฒนาธุรกิจเดิม นำเสนอผลิตภัณฑ์ การให้บริการใหม่ ๆ และกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมการเติบโตระยะยาวของบริษัทเป็นสำคัญ
ด้านนายอาฟซอล อับดุลราฮิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม TIME กล่าวว่า การผนึกความเป็นพันธมิตรเข้าด้วยกัน ผ่านการเสนอเข้าลงทุนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจใน SYMC ซึ่งบริษัทตื่นเต้นกับศักยภาพในการเติบโตของตลาดโทรคมนาคมในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนแม่บททางด้านเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy Masterplan) และการพัฒนาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
"เราตั้งตารอที่จะเริ่มทำงานร่วมกับผู้บริหารของ SYMC ในการพัฒนา และพา SYMC ก้าวไปสู่อีกระดับ นอกจากนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทราบว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SYMC ประมาณ 47% ได้แสดงความสนับสนุนในการเข้าลงทุนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเราในครั้งนี้"นายอับดลุราฮิม กล่าว