คณะกรรมการบมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TF) และบมจ.เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ (PR) เห็นชอบการควบรวมเป็นบริษัทใหม่ เพื่อเป็นบริษัทหลัก (Flagship Company) ในเครือสหพัฒน์ ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านอาหาร ซึ่งจะทำให้มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสามารถต่อยอดธุรกิจอันจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กิจการ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนต.ค.60
ทั้งนี้ TF ระบุว่าการดำเนินการตามแผนธุรกิจดังกล่าวจะประกอบด้วยธุรกรรมต่าง ๆ ที่จะกระทบต่อโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท และบริษัทที่เกี่ยวข้องในเครือสหพัฒน์ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านอาหาร โดยจะประกอบด้วย 2 ขั้นต้น ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) จะเข้ารับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท เพรซิเดนท์โฮลดิ้ง จำกัด (PH) ซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่าระยะยาวยานพาหนะและเครื่องจักรและธุรกิจลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ซึ่งรวมถึงหุ้นที่ PH ถือในบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลักด้านอาหาร ได้แก่ TF ,PR และบมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ (PB) โดยวิธีโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนมิ.ย.60
ภายหลังการโอนกิจการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ SPI มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน PR และ PB โดยในการนี้ TF จะเข้าร่วมกับ SPI ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน PB (Co-Tender Offer) โดย TF ได้แสดงเจตจำนงไปยัง SPI ที่จะขอรับซื้อหุ้นสามัญใน PB เป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่มีผู้ตอบรับคำเสนอซื้อในการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน PB ร่ววมกับ SPI โดยจำนวนหุ้นสูงสุดที่ TF ต้องรับซื้อจากการทำคำเสนอซื้อจะไม่เกิน 155.32 ล้านหุ้น คิดเป็น 34.52% ของหุ้นทั้งหมดใน PB
โดยจะเสนอซื้อที่ราคาหุ้นละ 58.58 บาท ซึ่งเป็นราคามูลค่ายุติธรรมเช่นเดียวกับที่ SPI ได้หุ้นสามัญใน PB มาจากการรับโอนกิจการทั้งหมดจาก PH โดยมีมูลค่ารวมไม่เกิน 9.1 พันล้านบาท โดยการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวม TF กับ PR มีสัดส่วนการถือหุ้นใน PB มากขึ้น ภายหลังการควบรวมบริษัทเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ดี TF และ SPI ได้รับหนังสือจาก PR ที่แสดงเจตนายืนยันจะไม่ขายหุ้นใน PB ที่ถืออยู่จำนวน 168.82 ล้านหุ้น ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น PB ครั้งนี้
สำหรับเงินที่จะใช้ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น PB ร่วมกับ SPI จะอยู่ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 4.5 พันล้านบาท โดยในส่วนของ TF จะใช้เงินสดจากการดำเนินงาน หรือเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อเป็นแหล่งเงินลงทุนต่อไป
สำหรับขั้นตอนที่ 2 ของแผนธุรกิจครั้งนี้ TF จะดำเนินการควบรวมบริษัทเข้ากับ PR โดยจะจัดสรรหุ้นในบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TF และผู้ถือหุ้นของ PR ที่มีชื่อปรากฎในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทดังกล่าว ณ วันและเวลาที่จะกำหนดกันต่อไปในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมใน TF ต่อ 1.47927562 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน PR ต่อ 0.42373214 หุ้นในบริษัทใหม่
ในการนี้คณะกรรมการของ TF อนุมัติการขายหุ้นใน PR ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 1.81 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.21% ที่ราคาหุ้นละ 54.37 บาท รวมมูลค่า 98.21 ล้านบาท ให้แก่ นายบุญยสิทธิ์ โชควัฒนา ,นายกำธร ตติยกวี ,นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ และนายกำธร พูนศักดิ์อุดมสิน เพื่อเป็้นการขจัดการถือหุ้นระหว่างบริษัทที่จะควบเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถทำการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ที่จะเกิดจากการควบรวมบริษัทได้ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการดังกล่าวได้ภายในวันที่ 26 เม.ย.60
ทั้งนี้ บริษัทใหม่จะกลายเป็นบริษัทหลักในเครือสหพัฒน์ ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านอาหาร ซึ่งรวมถึง อาหารกึ่งสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้า "มาม่า" ทั้งหมดและธุรกิจอื่น ๆ รวมถึงขนมปังกรอบ น้ำผลไม้ ขนมปัง เบเกอรี่ และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งการควบรวมบริษัทดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลดีต่อทั้งบริษัท และผู้ถือหุ้นในระยะยาวในด้านต่าง ๆ และเป็นการเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต