บมจ. เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) แจ้งว่าตามที่ได้จัดตั้งบริษัทย่อย Guangdong Energy Earth Co.,Ltd. ก่อตั้งและจดทะเบียนในประเทศจีนเมื่อปี 57 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินธุรกิจซื้อขายถ่านหินในประเทศจีน ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยแต่งตั้งให้ China Commercial Law Firm เป็นที่ปรึกษา
นายขจรพงศ์ คำดี ประธานกรรมการบริหาร ของ EARTH กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายธุรกิจถ่านหิน ขยายเหมือง รองรับการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัท Guangdong Energy Earth Co.,Ltd.(GECL) มีทุนจดทะเบียน 150 ล้านหยวน (ประมาณ 757.5 ล้านบาท) ซึ่ง EARTH ถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดยที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง สาเหตุเนื่องมาจากกลุ่มบริษัทสามารถจำหน่ายถ่านหินได้ในปริมาณที่สูงขึ้นตามออเดอร์ที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นโรงไฟฟ้าของรัฐบาลจีน ส่งผลทำให้ปี 58 บริษัท Guangdong Energy Earth Co.,Ltd. มีปริมาณขายถ่านหินอยู่ที่ 1.10 ล้านตัน และเพิ่มเป็น 3.95 ล้านตันในปี 59
ขณะที่รายได้จากการขายปี 58 เท่ากับ 2.85 พันล้านบาท และเพิ่มเป็น 6.43 พันล้านบาทในปี 59 และมีกำไรสุทธิในปี 58 เท่ากับ 21.48 ล้านบาท ส่วนปี 59 เพิ่มเป็น 70.82 ล้านบาท โดยปี 60 ตั้งเป้ารายได้จากการขายถ่านหินไว้ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีออเดอร์แล้วประมาณ 60% ประกอบกับราคาถ่านหินจำหน่ายเฉลี่ยต่อตันปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะราคาตลาดโลก
อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม ทั้งในเรื่องของโครงสร้างทางการเงิน โครงการการดำเนินธุรกิจให้มีความเหมาะสมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ ต้องใช้เวลาและดำเนินการตามขั้นตอน หากมีความคืบหน้าและบริษัท Guangdong Energy Earth Co.,Ltd. สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้ ทางบริษัทจะดำเนินการตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายขจรพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนงานของ EARTH ในปีนี้จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้ารายได้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 60% จากปีก่อน ทำให้มองว่าถึงเวลาแล้วที่บริษัทย่อยจะต้องเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการเตรียมความพร้อมในการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง นับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของบริษัทที่จะทำให้ภาพรวมธุรกิจมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมในเบื้องต้นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคตของบริษัทย่อย
"ปัจจัยสนับสนุนรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แผนธุรกิจที่มีความชัดเจน ซึ่งแนวโน้มในอนาคตคาดว่าจะมีการเติบโตจากแผนการขยายฐานลูกค้าขึ้นได้อีก และการซื้อเหมืองแห่งใหม่เพิ่ม ประกอบกับแนวโน้มราคาถ่านหินยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่บริษัท และบริษัทย่อยจะขยายตัวได้อีกมากในอนาคต เพราะว่าถ่านหินยังมีปริมาณสำรองใช้ได้มากกว่า 120 ปี และเป็นพลังงานเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำสุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น"นายขจรพงศ์ กล่าว