ตลท.รับหุ้น ASAP เข้าเทรดวันแรก 30 มี.ค.ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,999.80 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 29, 2017 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บมจ. ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯในกลุ่มการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "ASAP" ในวันที่ 30 มี.ค.60 นี้

ASAP ให้บริการรถยนต์ให้เช่าแบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ "asap" ด้วยรูปแบบการให้บริการที่หลากหลาย ทั้งรถยนต์ให้เช่าระยะยาว (Operating Lease) สำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา และรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ (Limousine) สำหรับลูกค้านิติบุคคลที่มีความต้องการเช่ารถยนต์พร้อมบริการคนขับรถ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม

ASAP มีทุนจดทะเบียน 330 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 450 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 210 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 189 ล้านหุ้น และกรรมการและผู้บริหารของบริษัท 21 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 22-24 มีนาคม 2560 ในราคาหุ้นละ 3.03 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 636.30 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,999.80 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASAP เปิดเผยว่า การระดมทุนจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัทในการลงทุนพัฒนาโครงการศูนย์รวมการให้บริการเกี่ยวกับรถยนต์แบบครบวงจร "asap Auto Park" ย่านบางนา-ตราด คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/61 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับตลาดที่มีแนวโน้มการใช้บริการรถเช่าทั้งแบบระยะยาวและระยะสั้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงชำระคืนหนี้สิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

ASAP มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวนายทรงวิทย์ 68.18% DEUTSCHE BANK AG, LONDON 3.18% และนายญนน์ โภคทรัพย์ 0.68%

การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบันในประเทศ (book building) โดยคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 27.55 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการปี 59 หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.11 บาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ