(เพิ่มเติม) TMB เผยกำไรสุทธิ Q1/60 ทรงตัวแม้กำไรปกติเพิ่มตามรายได้ เหตุตั้งสำรองฯสูง 2.24 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 17, 2017 15:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารทหารไทย (TMB) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังตั้งสำรองฯในระดับสูงที่ 2.24 พันล้านบาท แต่เมื่อพิจารณากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ พบว่าเติบโต 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ขณะที่สินเชื่อเพิ่มขึ้น 0.9% อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) คงที่อยู่ระดับ 2.53% และอัตราส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มเล็กน้อยมาอยู่ที่ 144%

TMB ระบุว่าในไตรมาส 1/60 ธนาคารมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน แต่คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารมีกำไรจากการดำเนินก่อนหักสำรองฯ (PPOP) จำนวน 4.76 พันล้านบาท ลดลง 1.4% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 4.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย

ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 6.16 พันล้านบาท ลดลง 3.6% จากไตรมาส 4/59 ซึ่งเป็นการลดลงจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของของปีก่อน เพิ่มขึ้น 3.9% เป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่ดี สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.21% ลดลงจากระดับ 3.33% ในไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.98% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.74 พันล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/59 จากการชะลอตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมการให้สินเชื่อและค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์ อย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโต 10.5% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมลูกค้าบุคคล

ทั้งนี้ ธนาคารยังคงดำเนินการตั้งสำรองฯอย่างรอบคอบ สำหรับไตรมาส 1/60 ซึ่งได้ตั้งสำรองฯจำนวน 2.24 พันล้านบาท ค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/59 แต่เพิ่มขึ้น 19.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 ซึ่งการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นเป็นไปเพื่อรองรับการเร่งดำเนินการ write off สินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจุดประสงค์ของธนาคารในการที่จะลดความเสี่ยงเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ขณะที่มี Coverage ratio อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 144% ณ สิ้นเดือนมี.ค.60 เทียบกับระดับ 143% ณ สิ้นเดือนธ.ค.59 และ 140% ณ สิ้นเดือนมี.ค.59

ธนาคายังคงตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียม พร้อมกับการขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวังควบคู่ไปกับการพิจารณา Risk-adjusted return ทั้งนี้ การดูแลคุณภาพสินทรัพย์ยังคงเป็นสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญ โดยธนาคารตั้งเป้าหมายจะรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ 140-150%

สำหรับเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมี.ค.60 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ (หักรายได้รอตัดบัญชี) ตามงบการเงินรวม 5.99 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จาก ณ สิ้นเดือนธ.ค.59 และสำหรับเงินให้สินเชื่อตามงบเฉพาะธนาคาร มีจำนวน 5.99 แสนล้านบาท เติบโต 0.9% จากสิ้นธ.ค.59 เช่นกัน โดยการเติบโตของสินเชื่อ มีสาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อคุณภาพ ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับทรงตัว โดยมี NPL ตามงบการเงินรวม ณ สิ้นมี.ค.59 อยู่ที่ 2.53% และงบการเงินเฉพาะธนาคาร อยู่ที่ 2.52% ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธ.ค.59

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ TMB กล่าวว่า สินเชื่อของธนาคารเติบโตราว 1% ในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเติบโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ขณะที่สินเชื่อธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เงินฝากลดลงเล็กน้อย 2% โดยมาจากการลดลงของเงินฝากธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่เงินฝากลูกค้าบุคคลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเงินฝากธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Deposit) จากฐานเงินฝากลูกค้าบุคคลเพิ่มขึ้น 2% ใน 3 เดือนแรกของปี โดยมาจากเงินฝากบัญชี “ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี" (TMB All Free) ซึ่งยังเติบโตได้ดี โดยเพิ่มขึ้น 13% จากปลายปีที่แล้ว ขณะเดียวกันเงินฝากทีเอ็มบี โน ฟิกซ์ บัญชีฝากไม่ประจำ ถอนได้ ดอกสูง (TMB No Fixed Account) และ ME by TMB ยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 2.4% และ 6% ตามลำดับ ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงดำรงสถานะเงินกองทุนในระดับสูง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III ที่อัตรา 18.2% โดยเป็นกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 12.8% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 9.75% และ 7.25% ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ