บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 20.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่บริษัทได้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพอัตราการทำกำไรในแต่ละกลุ่มสินค้าให้ดีขึ้นช่วยหนุนผลการดำเนินงาน ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 26.01% ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง 7.08%
สำหรับในไตรมาส 1/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.05 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4.52% มาที่ 1.53 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 4.69% มาที่ 1.43 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตจากสาขาใหม่ ทั้งธุรกิจโฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย ,รายได้ค่าเช่าและบริการ เพิ่มขึ้น 1.36% มาที่ 481.06 ล้านบาท และรายได้อื่น เพิ่มขึ้น 3% มาที่ 520.82 ล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ค่าโฆษณา รายได้จากการส่งเสริมการขาย และรายได้จากค่าบริการ"โฮม เซอร์วิส"จากลูกค้า
อัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.03% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.01% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงธุรกิจเมกา โฮม ที่มีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพิ่มขึ้น 3.96% มาที่ 3.31 พันล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ต้นทุนในการบริการลูกค้า และค่าเสื่อมราคา อย่างไรก็ตามอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 23.34% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 23.18% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายทางการเงินมีจำนวน 110.06 ล้านบาท ลดลง 7.08% เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจากการออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด ในไตรมาส 3 และ 4 ปีที่แล้ว นอกจากนี้บริษัทยังได้ควบคุมอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย
สำหรับในไตรมาส 1/60 แม้ว่าดัชนีทางเศรษฐกิจบางตัวจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังไม่เห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างชัดเจน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของสินค้าบางกลุ่ม เช่น กลุ่มเครื่องทำความเย็น ซึ่งมียอดขายสูงกว่าปกติในปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ อย่างไรก็ตามบริษัทได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ เช่น งาน HomePro Expo ในช่วงวันที่ 17-26 มี.ค.60 ซึ่งมียอดขายอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
จากสถานการณ์ที่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า บริษัทจึงได้มุ่งเน้นในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพของอัตราการทำกำไรในแต่ละกลุ่มสินค้าให้ดีขึ้น เช่น การเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มสินค้า Direct Sourcing การเลือกสินค้าจากแหล่งต่าง ๆ ให้ได้ต้นทุนในราคาที่เหมาะสม การเพิ่มคุณภาพของสินค้าให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้น การวางแผนการจัดซื้อสินค้า เป็นต้น