บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 675% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในงวดไตรมาสดังกล่าว ประกอบกับค่าการกลั่นปรับตัวขึ้น รวมถึงมีกำไรจากสต็อกน้ำมันจากราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยังช่วยหนุนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมให้มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นด้วย ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจตลาดจะอ่อนตัวลงบ้างก็ตาม
สำหรับในไตรมาส 1/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 675% จากระดับ 269 ล้านบาทในงวดปีก่อน และมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 45% มาที่ 43,995 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 187% มาที่ 4,075 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากมาจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันที่มีอัตราการผลิตเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง โดยตลอดเดือน มี.ค.สามารถกลั่นได้สูงถึงระดับ 1.21 แสนบาร์รเล/วัน ส่งผลให้มีอัตราการกลั่นเฉลี่ยในไตรมาส 1/60 ที่ระดับ 1.09 แสนบาร์เรล/วัน หรือประมาณ 92% ของกำลังการกลั่นของโรงกลั่น ซึ่งเพิ่มขึ้นมากจากระดับ 6.42 หมื่นบาร์เรล/วัน ในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี
ขณะที่มีค่าการกลั่น (GRM) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันและการประกันความเสี่ยง (GRM Hedging) อยู่ที่ 7.07 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในงวดปีก่อน ประกอบกับ มีกำไรจากสต็อกน้ำมันจำนวน 299 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในไตรมาสที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นมี EBITDA เพิ่มขึ้น 445% มาที่ 2,226 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจตลาด มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 5% จากงวดปีก่อน มาที่ 1,539 ล้านลิตร เป็นผลจากการเปิดสถานีบริการเพิ่มขึ้น และอุปทานในตลาดอุตสาหกรรมที่ตึงตัวจากการหยุดกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งในประเทศ ซึ่งจากแผนการขยายสถานีบริการน้ำมัน พร้อมทั้งปรับปรุงคุณภาพของสถานีบริการน้ำมันให้ดีขึ้น ทำให้ยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและรักษาอันดับที่ 2 ได้อย่างต่อเนื่อง ด้านค่าการตลาดลดลงจากต้นทุนราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นมาก ขณะที่ราคาขายปลีกปรับขึ้นได้ช้ากว่า ส่งผลให้ EBITDA ของธุรกิจการตลาดอยู่ที่ 856 ล้านบาท ลดลง 18% จากงวดปีก่อน
ส่วนธุรกิจไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) มี EBITDA ที่ระดับ 706 ล้านบาท ลดลง 17% จากงวดปีก่อน แม้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ตามสัญญาในประเทศเพิ่มขึ้น แต่มีค่าความเข้มแสงเฉลี่ยที่ปรับลดลงในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโครงการ และยังได้รับผลกระทบจากราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยที่ลดลง ส่วนการผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่น มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเปิดโครงการเพิ่มขึ้น และค่าความเข้มแสงเฉลี่ยที่ดีขึ้น แต่จากการขยายธุรกิจทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ด้านธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมี EBITDA เพิ่มขึ้น 512% จากงวดปีก่อน มาที่ระดับ 133 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวดีขึ้น ช่วยชดเชยผลกระทบขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์จำนวน 113 ล้านบาท จากการถอนตัวจากแหล่งสำรวจ GURITA PSC ในอินโดนีเซีย
ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA เพิ่มขึ้น 22% มาที่ระดับ 179 ล้านบาท โดยธุรกิจไบโอดีเซล ได้รับผลกระทบจากการที่ภาครัฐปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซลตั้งแต่เดือนก.ค.59 ซึ่งในไตรมาส 1/60 กำหนดให้ผสมที่ 5% ตลอดทั้งไตรมาส ส่วนธุรกิจเอทานอล แม้ว่าผู้ซื้อรายใหญ่จะสั่งซื้อลดลง แต่ราคาเอทานอลปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้รายได้จากธุรกิจนี้ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก