บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 9 พ.ค. อนุมัติให้บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ลงทุนและจัดตั้งบริษัทในลาว ภายใต้ชื่อบริษัท ศรีสวัสดิ์ เช่าสินเชื่อ (ลาว) จำกัด เพื่อให้บริการสินเชื่อ รองรับการขยายธุรกิจไปยังลาว โดยมีทุนจดทะเบียน 3 พันล้านกีบ หรือราว 12.08 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด จะถือหุ้นในสัดส่วน 90%, นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา ถือหุ้น 5% ,นางสาวธิดา แก้วบุตตา ถือหุ้น 3% และนายสมยศ เงินดำรง ถือหุ้น 2%
นอกจากนี้ ยังอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท Srisawad Vietnam LLC จากเดิม 3.35 หมื่นล้านดอง เป็น 6.7 หมื่นล้านดอง หรือราว 105.81 ล้านบาท และอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด จากเดิม 1 ล้านบาท เป็น 2 พันล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 19.99 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 100 บาท
รวมถึงยังอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนและวิธีการปรับโครงสร้างกิจการในส่วนการโอนกิจการบางส่วนมายังบริษัทย่อยของบริษัท เพื่อให้การปรับโครงสร้างกิจการเป็นไปตามกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง สอดคล้องกับสถานการณ์และเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบใด ๆ ที่อาจส่งผลต่อการดำเนินการปรับโครงสร้างกิจการ หรือทำให้การปรับโครงสร้างกิจการเกิดข้อขัดข้องหรือเกิดภาระและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ SAWAD เปิดเผยว่า ในปีนี้จะเห็นภาพการรุกตลาดต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งบริษัทมองว่าตลาดสินเชื่อในประเทศเพื่อนบ้านมีโอกาสเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาดสินเชื่อมอเตอร์ไซค์และรถยนต์การเกษตร ทั้งตลาดพม่า เวียดนาม และลาว
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปีก่อนที่มีสินเชื่อรวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจสวัสดิ์เดิม ที่เป็นการปล่อยกู้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ไม่ว่าบ้าน ที่ดิน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อบุคคลรวมถึงธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งการเป็นบริษัทเงินทุนฯ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นสนับสนุนการขยายธุรกิจในต่างประเทศง่ายขึ้น
พร้อมกันนั้น ในธุรกิจซื้อพอร์ตลูกหนี้มาบริหารนั้น ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะซื้อพอร์ตลูกหนี้จากสถาบันการเงินมาบริหาร โดยเตรียมวงเงินไว้ประมาณ 2-3 พันล้านบาท ซึ่งจะเน้นเฉพาะลูกหนี้ที่มีหลักประกัน เช่นบ้านและที่ดิน
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 695.97 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 65.34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 420.91 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 1,685.85 ล้านบาท 49.02 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 1,131.27 ล้านบาท
“ผลงานในไตรมาสแรกดีกว่าเป้าหมาย เพราะสินเชื่อมีการขยายตัวต่อเนื่อง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี ลูกค้าเก่าเราก็ส่งทีมงานติดตามความเป็นอยู่ของลูกค้าว่ามีปัญหาหรือไม่โดยจะเข้าไปช่วยเหลือเติมสภาพคล่องให้กับลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์"นางสาวธิดา กล่าว