บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) แจ้งกรณีข้อพิพาททางกฎหมายกับนายเสรี จุลศักดิ์ศรีสกุล ซึ่งเป็นอดีตผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยล่าสุดศาลฎีกามีคำพิพากษาให้บริษัทคืนหุ้นจำนวน 7 ล้านหุ้นให้กับนายเสรี หรือคืนเป็นเงิน 21 ล้านบาท โดยหากบริษัทตกลงคืนเป็นเงิน 21 ล้านบาท บริษัทก็มีฐานะการเงินที่มั่นคงและมีเงินสดเพียงพอในการชำระ
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก SMART ซึ่งเป็นโจทก์ ได้มีข้อพิพาททางกฎหมายกับนายเสรี ในฐานะจำเลย ตั้งแต่ปี 47 โดยจำเลยเป็นผู้ผิดนัดสัญญาไม่ชำระค่าหุ้นครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ตามที่โจทก์เรียกให้ผู้ถือหุ้นทุกคนชำระค่าหุ้นส่วนที่เหลือ จนนำไปสู่การริบหุ้นของจำเลยและนำหุ้นออกขายทอดตลาดพร้อมเรียกดอกเบี้ย จำเลยฟ้องแย้งว่าการเรียกให้ชำระค่าหุ้นครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทโจทก์อยู่ขอให้ยกฟ้อง และขอให้คืนหุ้นที่ริบไปคืนแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้โจทก์ใช้ราคา 70 ล้านบาท ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้งจำเลย โจทก์และจำเลยต่างยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาโจทก์และจำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ล่าสุดศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 พ.ค.60 โดยพิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์คืนหุ้นในบริษัทโจทก์ 7 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ที่มีการชำระค่าหุ้นแล้วหุ้นละ 3 บาทแก่จำเลย หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 21 ล้านบาท ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งทั้งสามศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 3 หมื่นบาท ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกาในส่วนคำฟ้องแก่จำเลย 1 หมื่นบาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกา ในส่วนคำฟ้องนอกเหนือจากนี้ให้ เป็นพับ นอกจากที่แก้ไขให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามคำพิพากษาภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ปิดคำบังคับตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับคำบังคับจากศาล ดังนั้น หากบริษัทได้รับคำบังคับตามกฎหมายแล้ว และได้ข้อสรุปว่าบริษัทจะคืนหุ้น 7 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ที่มีการชำระค่าหุ้นแล้วหุ้นละ 3 บาทแก่จำเลย หรือคืนเป็นเงิน 21 ล้านบาท พร้อมค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ 4 หมื่นบาท บริษัทจะเร่งแจ้งให้นักลงทุนทราบผ่านช่องทางระบบเผยแพร่ข่าวสารของตลาดหลักทรัพย์ฯทันที
อย่างไรก็ตาม หากบริษัทตกลงคืนเป็นเงิน 21 ล้านบาท บริษัทก็มีฐานะการเงินที่มั่นคง และมีเงินสดเพียงพอในการชำระ