ประกอบกับ ปัจจุบัน IFEC อยู่ระหว่างการแก้ปัญหาภายใน ซึ่งขณะนี้ยังรอความชัดเจนของตัวแทนผู้มีอำนาจจากทาง IFEC เพื่อทาง ECF จะสามารถเข้าเจรจาหาข้อสรุปในการเข้าซื้อหุ้น TRUE-P ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ECF และ IFEC ได้จัดทำหนังสือข้อตกลงเพิ่มเติม สำหรับบันทึกความเขัใจ (MOU) และสัญญากู้ยืมเงิน ฉบับวันที่ 26 ธ.ค.59 เพื่อตกลงขยายระยะเวลาการหาข้อสรุปการเข้าซื้อกิจการ รวมถึงขยายระยะเวลาการชำระคืนหนี้ให้กับทาง ECF ออกไปจนถึงวันที่ 26 ส.ค.60 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ECF อยู่ระหว่างการติดตามทวงถามดอกเบี้ยคงค้างชำระที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาของสัญญากู้ยืมเงินในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.25 ต่อปี นับจากวันที่ของสัญญากู้ยืมเงิน อย่างไรก็ตามปัจจุบันทาง ECF ยังไม่ได้พิจารณาดำเนินการใด ๆ กับหลักประกันที่มีอยู่ในขณะนี้ หาก IFEC ไม่สามารถลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นของ TRUE-P ได้ บริษัทจะพิจารณาดำเนินการใช้สิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้และหลักประกันตามที่เห็นสำคัญต่อไป
อนึ่ง ECF ได้วางเงินมัดจำ 50 ล้านบาท เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ (MW) ในจ.ลพบุรี ซึ่งเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นของกลุ่ม IFEC ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าลงทุนไม่เกินไตรมาส 2/60 ซึ่งหากผลการศึกษาเป็นที่น่าพอใจ เงินมัดจำดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของราคาซื้อขาย แต่หากไม่เป็นที่น่าพอใจ IFEC จะต้องคืนเงินมัดจำดังกล่าว
แต่เนื่องจากขณะนั้นทาง IFEC ต้องการเงินจำนวน 50 ล้านบาท จึงขอให้ ECF จัดทำสัญญาในรูปแบบเงินกู้ยืมระยะสั้นไม่เกิน 90 วันขึ้นมาระหว่าง IFEC และ ECF คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.25 ต่อปี โดยเสนอหลักประกันคือหุ้นที่ IFEC ถืออยู่ในบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ จำกัด (IFEC-T) จำนวน 5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8.3% มาจำนำ และให้ระบุไว้ในเงื่อนไขสัญญาว่าสามารถใช้แทนการวางเงินมัดจำตามสัญญาได้ ขณะที่ IFEC-T ถือหุ้นใน TRUE-P จำนวน 99.99%
ขณะที่เมื่อปลายเดือนมี.ค. ECF แจ้งเพิ่มเติมว่าได้ขยายระยะเวลาการคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นดังกล่าวออกไปเป็นไม่เกิน 150 วันจากเดิม 90 วัน ซึ่งครบกำหนดในวันนี้ (26 พ.ค.60)