บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 (DNA) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) อนุมัติการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท บัน จำกัด และบริษัท นิว เวย์ เฮลท์ แอนด์ บิวตี้ จำกัด (NWHB) รวมถึงขายหุ้น 4.69% ใน บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) จากที่ถือทั้งหมด 7.82% ได้เงินรวมกว่า 160 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงนำไปลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ทั้งนี้ บริษัทจะขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ 69.50% ในบริษัท บัน จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตเบเกอรี่ ขายปลีกขายส่งขนมปัง ภายใต้แบรนด์"มิสเตอร์บัน" มูลค่ารวม 120 ล้านบาท ให้แก่นายชาญวิทย์ บรรณสารตระกูล ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท คาดว่าจะดำเนินการภายในเดือนส.ค.
เนื่องจากจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดเมื่อเทียบกับต้นทุน ขณะที่ผลประกอบกับของบัน ยังไม่สะท้อนผลกำไรออกมาได้อย่างเด่นชัด และคาดว่าภายหลังการขายหุ้นดังกล่าวแล้วเสร็จ จะทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปลงทุนธุรกิจที่สามารถให้ผลตอบแทนได้สูงกว่าธุรกิจเดิมต่อไป
นอกจากนี้ บริษัท พี เพาเวอร์ แพลนท์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ 40% ใน NWHB ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง ยา และอุปกรณ์เสริมความงาม มูลค่า 1.2 ล้านบาท ให้แก่ นายนภัทร โภคาสัมฤทธิ ,นายพิรศุษม์ ปลื้มปิติชัยกุล และนางประไพศรี โภคาสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ NWHB และไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท โดยจะดำเนินการภายในเดือนก.ค.เนื่องจากการทำข้อตกลงทางธุรกิจไม่สามารถหาข้อสรุปที่เหมาะสมได้ และบริษัทจะนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินการกิจการของพี เพาเวอร์ แพลนท์ เอ็นเนอร์ยี่ ต่อไป
ขณะเดียวกันบริษัทจะขายหุ้น 4.69% ใน TCC จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 7.82% โดยเป็นการขายในราคาตลาด ณ วันที่ 6 มิ.ย. มูลค่าหุ้นละ 0.73 บาท มูลค่ารวม 43.80 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานปกติของบริษัทและเป็นการเพิ่มสภาพคล่องของบริษัทด้วย
พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติให้แก้ไขเพิ่มเติมวัตถประสงค์ของบริษัท พี เพาเวอร์ แพลนท์ เอ็นเนอร์ยี่ 1 จำกัด และบริษัท พี เพาเวอร์ แพลนท์ เอ็นเนอร์ยี่ 2 จำกัด โดยให้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีได้ และให้เปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นทั้ง 100% มาอยู่ภายใต้บริษัท ดิจิตอล ซินเนอร์ จี จำกัด และให้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไอเรสส โซลูชั่น จำกัด และ บริษัท มาย แพลทฟอร์ม จำกัด ตามลำดับ