บมจ.เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ (KC) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้ทำการขอขยายระยะเวลาส่งแผนการชำระหนี้กับ บลจ.โซลาริส ออกไปจนถึงวันที่ 23 มิ.ย.60 โดยได้ว่าจ้างบริษัท โอไรออนซ์ แอดไวซอรี่ จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งบริษัทฯได้มอบหมายให้จัดทำแผนกำรชำระหนี้คืนให้แก่ บลจ.โซลาริส เพื่อให้แผนการชำระหนี้ที่จะเสนอต่อผู้ถือหน่วยลงทุนของบลจ.โซลาริส มีความชัดเจนและเป็นระบบนั้น
บริษัทขอแจ้งความคืบหน้าในการจัดทำแผนชำระหนี้คืน บลจ.โซลาริสว่า เมื่อ 22 มิ.ย.60 บริษัทได้รับแจ้งจากที่ปรึกษาว่ายังดำเนินการจัดทำแผนการชำระหนี้ที่จะเสนอต่อผู้ถือหน่วยของ บลจ.โซลาริสไม่แล้วเสร็จ ซึ่งทางที่ปรึกษาแจ้งว่าจะจัดทำแผนการชำระหนี้แล้วเสร้จภายในอีก 1 เดือน ทางบริษัทจึงได้มีหนังสือขยายเวลาการส่งแผนการชำระหนี้ถึง บลจ.โซลาริส เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.60
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.60 บริษัทได้รับคำฟ้องของ บลจ.โซลาริสในคดีแพ่งตามหมายเรียกคดีแพ่งของศาลแพ่งในคีดหมายเลขดำที่ มย119/2560 ระหว่างกองทุนเปิดโซลาริสตราสารหนี้พริวิเลจ 3 เอ็ม 4, กองทุนเปิดโซลาริสตราสารหนี้พริวิเลจ 3 เอ็ม 5 , กองทุนเปิดโซลาริสตราสารหนี้พริวิเลจ 3 เอ็ม 3,กองทุนเปิดโซลาริสตราสารหนี้พริวิเลจ 3 เอ็ม 1, กองทุนเปิดโซลาริสตราสารหนี้พริวิเลจ 6 เอ็ม 6 เป็นโจทก์ ฟ้อง KC ในข้อหาหรือฐานความผิดตั่วเงิน (ตั๋วแลกเงิน) , หนังสือรับสภาพหนี้, บังคับจำนอง, เรียกค่าเสียหาย จำนวนทุนทรัพย์ตามคำฟ้อง 365,618,264.84 บาท กำหนดการไกล่เกลี่ย แก้ไขข้อหาคดี และสืบพยานในวันที่ 7 ส.ค.60 เวลา 13.30 น.
บริษัทชี้แจงว่าบริษัทจะทำการแต่งทนายความว่าต่างแก้คดีในวันดังกล่าว โดยยังคงมีความประสงค์จะเข้าเจรจาต่อรองไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นศาลเพื่อหาแนวทางในการยุติข้อพิพาทกับ บลจ.โซลาริส ตามแผนการชำระหนี้ที่จะเสนอต่อผู้ถือหน่วยลงทุนของ บลจ.โซลาริส
สำหรับผลกระทบต่อวงเงินสินเชื่อของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทมีวงเงินสินเชื่อต่อบุคคลภายนอก ดังนี้
1.วงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ได้แก่
- ธนาคารกรุงไทย(KTB) บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจำนวน 103.4 ล้านบาท
- ธนาคารธนชาต บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจำนวน 4.5 ล้านบาท
- กองทุนเปิดโซลาริส จำนวน 350 ล้านบาท (กรณีฟ้องร้อง)
2.วงเงินสินเชื่อบุคคลธรรมดา (ตั๋วแลกเงินเสนอขายบุคคลในวงจำกัด)
- นางปวีณา พรโชติทวีรัตน์ จำนวน 15 ล้านบาท
- นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ จำนวน 8 ล้านบาท
- นางสาวสุจิตรา ชุณหนิรันฤทธิ์ จำนวน 20 ล้านบาท
- นางสุภาภรณ์ เติมรัตนกุล จำนวน 10 ล้านบาท
- นายสมเกียรติ สุขศิริกุล จำนวน 20 ล้านบาท
รวมภาระหนี้ของบริษัท มีทั้งหมดจำนวน 530.9 ล้านบาท
ทั้งนี้ หนี้ในส่วนของธนาคารกรุงไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างบริษัทเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในระยะเวลา 2 เดือน ขณะที่หนี้ในส่วนของธนาคารธนชาต บริษัทน่าจะสามารถชำระหนี้คืนได้หมดภายในเดือน ส.ค.60
ส่วนเจ้าหนี้ วงเงินสินเชื่อบุคคลธรรมดา (ตั๋วแลกเงินเสนอขายบุคคลในวงจำกัด) บริษัทได้มีการเจรจาตกลงกับเจ้าหนี้ทุกรายและเจ้าหนี้ทุกรายตกลงขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้แก่บริษัท โดยไม่ถือว่า บริษัท ผิดนัดชำระหนี้
ดังนั้น การใช้สิทธิเรียกร้องของกองทุนเปิด บลจ.โซลาริส ในการฟ้องร้องให้บริษัทชำระหนี้คืน จำนวน 350 ล้านบาทน่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้าหนี้รายอื่นผู้ให้สินเชื่อ