บมจ.อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ (EIC) เปิดเผยว่า บริษัท สีลม แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการเงินอิสระ (IFA) มีความเห็นว่าการเข้าทำรายการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ บริษัท ส.ธนา มีเดีย (STN) ไม่มีความสมเหตุสมผลในด้านราคา และ STN ยังมีความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของ STN ได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงเห็นว่าผู้ถือหุ้นของ EIC ควรไม่อนุมัติในการเข้าทำรายการในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นควรพิจารณาความสมเหตุสมผลและความเห็นของที่ปรึกษาฯ ซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า ข้อมูล เอกสาร และร่างเอกสารที่ได้รับ รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นความจริง สมบูรณ์ และถูกต้อง และผู้ถือหุ้นควรพิจารณาเงื่อนไขและข้อกำหนดของการเข้าทำรายการดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาฯ เห็นว่าสมมติฐานที่ใช้ในการจัดเตรียมประมาณการทางการเงินมีความสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม สมมติฐานดังกล่าวตั้งขึ้นโดยการพิจารณาภาวะเศรษฐกิจและข้อมูลที่มีอยู่ในช่วงเวลาที่ศึกษาเท่านั้น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นในอนาคตอาจจะส่งผลกระทบต่อความเห็นของที่ปรึกษาฯ ทั้งนี้ การตัดสินใจที่จะอนุมัติหรือไม่อนุมัติการเข้าทำรายการในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ
อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ EIC ครั้งที่ 3/2560 เมื่อวันที่ 20 มี.ค.60 และครั้งที่ 7/2560 เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.มีมติอนุมัติและเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนใน STN ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่ป้ายโฆษณานอกบ้าน (Out of Home Media) ในรูปแบบป้าย Billboard ทั้งในจังหวัดกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ ในหลายภูมิภาคของประเทศไทย โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญ 100% ของหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วทั้งหมดของ STN หรือเท่ากับ 49,998 หุ้น จากผู้ถือหุ้นเดิมของ STN ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 7,440.30 บาท (มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาท) หรือคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 372.00 ล้านบาท
ทั้งนี้ IFA ระบุในส่วนหนึ่งของรายงานความเห็นว่า การทำรายการนี้ทำให้ EIC มีความเสี่ยงที่จะต้องยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ใหม่กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หากมีขนาดการเข้าทำรายการซึ่งสูงกว่า 100% โดยบริษัทฯ ต้องยื่นคำขอให้ ตลท.พิจารณาคุณสมบัติของบริษัทนั้นเสมือนการรับหลักทรัพย์ใหม่ ทั้งนี้หากบริษัทฯ ต้องยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ใหม่ บริษัทฯ อาจไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการรับหลักทรัพย์ใหม่ของ ตลท.
บริษัทเข้าทำรายการเข้าซื้อหุ้นสามัญ 100% ของหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วทั้งหมดของ STN หรือเท่ากับ 49,998 หุ้น จากผู้ถือหุ้นเดิมของ STN ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 7,440.30 บาท (มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 100.00 บาท) หรือคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 372.00 ล้านบาท โดยการเข้าทำรายการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ STN ในครั้งนี้มีขนาดรายการสูงสุดเท่ากับ 98.90% ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน
ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารของบริษัทพบว่าภายหลังการเข้าทำรายการ บริษัทจะยังไม่มีโครงการลงทุนเพิ่มเติมแต่อย่างใดอันเป็นเหตุให้มีขนาดรายการสูงกว่า 100% อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงการทำประกันภัยและซ่อมแซมโครงป้ายต่างๆ ภายหลังการเข้าทำรายการ ซึ่งบริษัทอาจจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ดังกล่าวแล้ว แล้วอาจส่งผลทำให้ขนาดรายการเท่ากับ 101.49% ซึ่งสูงกว่า 100%