ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 อยู่ที่ระดับ 8,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6.2% มาที่ 16,568 ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 2.31% ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 11,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เป็นผลจากการมีกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ โดยส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมรับจากการบริการกองทุนรวมและบริการประกันผ่านธนาคาร และค่าธรรมเนียมจากบริการอิเล็กทรอนิกส์และการโอนเงิน
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 12,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 45.8%
ณ สิ้นเดือนมิ.ย.60 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,978,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากสิ้นปี 59 โดยเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) คิดเป็น 3.7% ของเงินให้สินเชื่อรวม ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด และรักษาระดับเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารอยู่ ที่ 129,918 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.6% ของเงินให้สินเชื่อ
ด้านเงินกองทุนหากนับกำไรสุทธิ สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 รวมเข้าเป็นเงินกองทุนแล้ว อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณ 18.9% , 17.1% และ 17.1% ตามลำดับ สำหรับส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 มีจำนวน 384,532 ล้านบาท คิดเป็น 12.6% ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชี เท่ากับ 201.45 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2.89 บาท จากสิ้นปี 59
ทั้งนี้ จากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยังคงมีความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารจึงยังคงยึดหลักการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง พร้อมทั้งรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่ สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตและความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อให้ธนาคารมีเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืน