(เพิ่มเติม) TPIPP คาดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 MW กับกฟผ.ในส.ค. หลัง EIA ผ่าน หนุนผลงานโตก้าวกระโดด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 27, 2017 15:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีมติให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิงขนาด 70 เมกะวัตต์ (TG6) ของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์ (MW) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ภายในเดือนส.ค.60 โดยบริษัทจะได้นำไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้า TG6 ไปรวมกับไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30 เมกะวัตต์ (TG4) ที่มีอยู่เดิม รวมเป็น 100 เมกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่กฟผ. ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์ได้ภายในต้นเดือนต.ค.60

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 27 เม.ย.60 ที่ประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีมติให้ความเห็นชอบ EIA ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ ขนาด 70 เมกะวัตต์ (TG7) แล้ว

อนึ่ง TPIPP อยู่ระหว่างลงทุนขยายโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 3 โรง ซึ่งจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 290 เมกะวัตต์ รวมเป็น 440 เมกะวัตต์ภายในไตรมาส 4/60 โดยนอกเหนือจากโรงไฟฟ้า TG6 และ TG7 ดังกล่าวแล้ว ยังมีโรงไฟฟ้า TG8 ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 1 แห่ง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาด 150 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้า TG7 และ TG8 จะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับบมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในไตรมาส 4/60

นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน ของ TPIPP กล่าวว่า การเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าทั้ง 3 โรงนั้น จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ตามปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าที่ขายเข้าระบบ และราคาค่าไฟฟ้าที่จะมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.60 อีก 8.87 สต./หน่วย

"หลังจากได้รับอนุมัติรายงาน EIA แล้ว เรามั่นใจว่าจะเริ่ม COD โรงไฟฟ้าใหม่ทั้ง 3 โรงได้ตามที่แจ้งไว้ เนื่องจากกระบวนการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรมีความคืบหน้าตามแผนงาน โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้ และสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าทุกโรงแบบเต็มปีตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานต่อจากนี้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดตามปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น"นายวรวิทย์ กล่าว

นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตในปัจจุบันก็สามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งปริมาณการผลิตไฟฟ้าและรายได้ในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรของโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าในไตรมาส 3 ก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ขึ้นไปอีก

สำหรับโรงไฟฟ้า TG6 ที่เพิ่งได้รับอนุมัติ EIA นั้น จะนำไปรวมกับโรงไฟฟ้า TG4 ที่มีอยู่เดิมเป็น 100 เมกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับกฟผ.นั้น ได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) อัตรา 3.50 บาท/หน่วย เป็นเวลา 7 ปี ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่ม COD ให้แก่ กฟผ. ได้ประมาณต้นเดือน ต.ค.60 ซึ่งจะทำให้สามารถขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะให้กับ กฟผ.ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 3 ฉบับ ได้แก่ 18 เมกะวัตต์ ,55 เมกะวัตต์ และ 90 เมกะวัตต์ รวมเป็น 163 เมกะวัตต์เต็มตามแผน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ