SCCC คาดโรงปูนในกัมพูชาเสร็จ Q4/60 พร้อมคุมค่าใช้จ่ายหนุนผลงานดีใน 6-12 เดือน หลังกำไร H1/60 หดตัวแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 3, 2017 08:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) เผยผลกำไรในครึ่งแรกปีนี้ ลดลง 69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังตลาดในประเทศชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรง ขณะที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตามตลาดปูนซีเมนต์ในบังคลาเทศ ศรีลังกา และเวียดนาม ยังคงเติบโตอย่างมั่นคง อีกทั้งการก่อสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ในกัมพูชาของบริษัทร่วมค้าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/60 รวมถึงการเน้นควบคุมค่าใช้จ่าย เชื่อว่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้ดีขึ้นใน 6-12 เดือนข้างหน้า

SCCC ระบุว่าในไตรมาส 2/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 245.73 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 1.22 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 2/59 ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 มีกำไรสุทธิ 796 ล้านบาท ลดลง 69% จากกำไรสุทธิ 2.58 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ยอดขายเพิ่มขึ้น 34% มาที่ 2.14 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากความสำเร็จในการซื้อกิจการในประเทศบังคลาเทศ ศรีลังกา และเวียดนาม โดยบริษัทในประเทศดังกล่าวมีผลประกอบการที่ดี อย่างไรก็ตามผลกำไรของกลุ่มบริษัท ในงวดครึ่งแรกปีนี้ ลดลง 69% เนื่องจากการชะลอตัวของตลาดในประเทศไทย อีกทั้งบริษัทยังคงได้รับความกดดันทางด้านราคาอย่างต่อเนื่อง และประสบปัญหาความต้องการของตลาดโดยรวมที่ลดลง 5% ในครึ่งปีแรก

นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของบริษัท ยังได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวประมาณ 600 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายนี้รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างกิจการภายในประเทศ การตัดบัญชีสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ในการดำเนินการ การหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักร ค่าที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ และค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับเงินกู้ระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงได้รับประโยชน์จากการขยายกิจการไปยังภูมิภาคอื่น ได้แก่ ประเทศบังคลาเทศ ศรีลังกา และเวียดนามซึ่งมีความต้องการของตลาดที่เติบโต 6-8% ในระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 60

ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ที่ธุรกิจภายในประเทศตกต่ำอย่างมาก บริษัทได้ปรับปรุงแผนธุรกิจซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดของบริษัท ซึ่งเชื่อว่าหลังจากการปรับปรุงแผนธุรกิจภายในประเทศ การดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและการดำเนินงานที่มีคุณภาพของบริษัท จะทำให้บริษัทมีดุลยภาพที่ดีขึ้นและมีโอกาสในการสร้างการเติบโตต่อไป

สำหรับตลาดปูนซีเมนต์ในบังคลาเทศ ศรีลังกา และ เวียดนามจะยังคงมีการเติบโตอย่างมั่นคง รวมถึงการก่อสร้างโรงปูนซีเมนต์ของบริษัทร่วมค้าในประเทศกัมพูชาซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ในปี 60 โดยจะมีส่วนทำให้ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยจะยังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่บริษัทมีความมั่นใจว่าสถานการณ์ในตลาดจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และการปรับปรุงแผนธุรกิจที่ได้มีการริเริ่มและดำเนินการอยู่ จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น พร้อม ๆ กับทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม จะทำให้ผลกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นภายใน 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ