บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) คาดว่ารายได้จากการขายและการให้บริการในปี 2560 จะลดลงประมาณ 10-12% จากปี 2559 ซึ่งรายได้ของบริษัทจะมาจากรายได้จากการขายและการให้บริการของกลุ่มบมจ.ไทยคม (THCOM) เป็นหลัก โดยในปี 2560 คาดว่ารายได้ในส่วนนี้จะลดลงประมาณ 10-12% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าหลักในประเทศไทยได้ยกเลิกสัญญาไปช่วงต้นปี 2559 ประกอบกับภาวะอุตสาหกรรมโทรทัศน์ชะลอตัว จึงทำให้อัตราการเช่าช่องสัญญาณในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ปัจจุบันไทยคมมีดาวเทียมแบบทั่วไปจำนวน 4 ดวงอยู่ในวงโคจร ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม 5 ไทยคม 6 ไทยคม 7 และไทยคม 8 โดยมีจำนวนช่องสัญญาณดาวเทียมรวม 111 ช่องสัญญาณ และมีดาวเทียมประเภทบรอดแบนด์จำนวน 1 ดวง คือ ดาวเทียมไทยคม 4
อนึ่ง เมื่อสิ้นไตรมาส 1/60 INTUCH ได้แจ้งถึงประมาณการรายได้จากการขายและการให้บริการในปี 2560 คาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 2559
INTUCH ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม จะเป็นการรับรู้ผลการดำเนินงานของบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส ในสัดส่วน 40.45% ซึ่งคาดการณ์ว่าผลประกอบการของเอไอเอสสำหรับปี 2560 ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ที่ให้ไว้เมื่อต้นปี 2560 โดยเอไอเอสคาดว่ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) เพิ่มขึ้น 4-5% จากปี 2559 จากปริมาณการใช้บริการด้านข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ,เงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4-4.5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการลงทุนเพื่อขยายการให้บริการและเพิ่มคุณภาพพของบริการ 4G ,ประมาณการอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ในช่วง 42-44% เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายเครื่องลูกข่ายที่ลดลง ขณะที่เอไอเอสปรับนโยบายเงินปันผลเป็นไม่น้อยกว่า 70% ของกำไรสุทธิ
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า บริษัทจะรับรู้ผลการดำเนินงานของ แอลทีซี และไฮ ช็อปปิ้ง ตามสัดส่วนการถือหุ้น ขณะที่มีวงเงินงบประมาณสำหรับ Venture Capital ไม่เกินปีละ 200 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ร่วมลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 11 บริษัท ส่วนนโยบายการจ่ายเงินปันผล ของบริษัทจะพิจารณาจ่ายจากเงินปันผลส่วนใหญ่ที่บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย