ที่ประชุมคณะกรรมการบมจ.โรงพยาบาล ลาดพร้าว (LPH) มีมติให้นำเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ที่จะจัดให้มีขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2560 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของบริษัท ให้กับบริษัท ลาดพร้าวการศึกษา จำกัด ผู้ดำเนินกิจการโรงเรียนสองภาษาลาดพร้าว("LBS") และบริษัท แอล.พี.โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ของ LBS ในราคาขายรวมมูลค่า 191.50 ล้านบาท ภายใน 6 เดือนนับจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติ
รายการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของบริษัท ประกอบด้วย รายการที่ 1) ที่ดิน รวม 23 โฉนด ตั้งอยู่ซอยลาดพร้าว 126 ถนนลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310 เนื้อที่รวม 11-00-1 ไร่ รายการที่ 2) สิ่งปลูกสร้างเป็นลานกีฬาเปิดโล่ง ตั้งอยู่บนบางส่วนของที่ดินรายการที่ 1
ขนาดรายการรวมเท่ากับร้อยละ 12.76 เกินกว่าร้อยละ 3.00ของมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทและบริษัทย่อย ตามงบการเงินรวมงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านการสอบทานของผู้สอบบัญชี ขนาดของรายการที่เกี่ยวโยงกันเป็นรายการขนาดใหญ่ บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์และขออนุมัติผู้ถือหุ้น โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาสรรหาบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของผู้ถือหุ้น เพื่อให้ความเห็นต่อความสมเหตุสมผลของรายการ และให้นำราคาประเมินของผู้ประเมินราคาอิสระที่ได้ทบทวนใหม่เสนอเป็นข้อมูลการตลาดประกอบการพิจารณาในการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ มีมติอนุมัติให้บริษัทจ่ายชำระเงินจำนวน 13,200,000 บาท ให้กับบริษัท ทรัพย์นำชัยพัฒนา จำกัด เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิการเช่าที่ดินระยะยาว อายุสัญญา 30 ปี และดำเนินการจดทะเบียนสิทธิการเช่าให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ของปี 2561 สำหรับที่ดินรวม 7-0-22.7 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา (โรงพยาบาลแห่งใหม่) ขนาด 180 เตียง พร้อมศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ขนาดประมาณ 100 เตียงตามแผนการลงทุนที่ได้เปิดเผยต่อผู้ลงทุนกรณีการใช้เงิน IPO
รวมทั้งมีมติอนุมัติให้ดำเนินการพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการลงทุนในหุ้นสามัญของโรงพยาบาลเอกชนที่มีผลกำไรตามวัตถุประสงค์การใช้เงิน IPO เพิ่มเติม 1 แห่ง ซึ่งตัองอยู่ในภูมิภาคตะวันออกด้วย เล็งเห็นว่ามีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ และให้ชะลอการพิจารณาโครงการโรงพยาบาลเอกชน ย่านรามอินทรา เนื่องจากผลจากการศึกษาโครงการไม่สอดคล้องกับการเติบโตของบริษัท