บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ชี้แจงการนำส่งงบการเงินระหว่างกาลสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 เนื่องจากผู้สอบบัญชี คือ บริษัท เบเคอร์ ทิลลี่ ออดิท แอ็ดไวเซอร์รี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ไม่แสดงความเห็นต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม และแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขต่องบแสดงฐานะทางการเงินรวม จากการถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์เรื่องการประมาณการรายได้ของจุดชมวิว
ทั้งนี้ สามารถแบ่งความเห็นออกเป็น 2 เกณฑ์ดังนี้
1. เกณฑ์ในการไม่ให้ข้อสรุปต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม ตามที่กล่าวหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาล 1 กลุ่ม PACE ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระแห่งหนึ่ง เพื่อทำการประเมินมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน บริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด โดยใช้วิธีประมาณการรายได้ (Income Approach) และคำนวณคิดลดกระแสเงินสดมาเป็นมูลค่าปัจจุบันตามรายงานของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระดังกล่าวลงวันที่ 12 พ.ค.60 เงินลงทุนดังกล่าวมีมูลค่ายุติธรรมจำนวนเงิน 7,321 ล้านบาท และกลุ่ม PACE ได้บันทึกเงินลงทุนในงบแสดงฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 จำนวนเงิน 7,321 ล้านบาท และรับรู้ผลกระทบจากการสูญเสียการควบคุมในบริษัทย่อยในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 จำนวนเงิน 7,946.6 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากข้อจำกัดโดยสถานการณ์ ผู้สอบบัญชี ไม่สามารถให้ข้อสรุปการสอบทานรายงานของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระดังกล่าวเกี่ยวกับการประมาณการรายได้ของจุดชมวิว จากข้อเท็จจริงที่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จจึงไม่มีการประกอบพาณิชยกิจจริงเพื่อเปรียบเทียบและเป็นธุรกิจใหม่ในตลาดของไทย จึงไม่สามารถให้ข้อสรุปผลการสอบทานต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60
2. เกณฑ์ในการให้ข้อสรุปอย่างมีเงื่อนไขต่องบแสดงฐานะทางการเงินรวม จากประเด็นในเกณฑ์ข้อแรก ซึ่งผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบกาไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม ส่งผลให้ผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปได้ว่า อาจมีรายการผลปรับปรุงใดๆที่อาจมีขึ้นต่องบแสดงฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 จึงแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขต่องบแสดงฐานะทางการเงินรวม
ทั้งนี้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระโดยใช้วิธีประมาณการรายได้ (Income Approach) และคำนวณคิดลดกระแสเงินสดมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน และจากข้อเท็จจริงที่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จจึงส่งผลให้ผู้สอบบัญชีถูกจำกัดโดยสถานการณ์จึงไม่สามารถพิสูจน์รายได้ในอนาคตหรือข้อมูลเปรียบเทียบสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงในประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพื่อประกอบสมมุติฐาน เช่น เปรียบเทียบจำนวนผู้เข้าชมจุดชมวิว กับตึกชมวิวตามประเทศต่างๆ 9 แห่งทั่วโลก รวมถึงเทียบกับตึกใบหยกที่สูงเป็นอันดับ 2 ในไทยที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าชมตึกเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี และเปรียบเทียบจานวนนักท่องเที่ยวที่เข้าในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก อีกทั้งจุดชมวิวในโครงการมหานครได้มีการออกแบบให้มีลิฟท์ที่มีความจุและเร็วที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนี้ ซึ่งทำให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมจุดชมวิวได้มากกว่า 3 ล้านคนต่อปี ซึ่งหากสินทรัพย์มีการก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการได้ บริษัทฯจะมีรายได้ตามสมมุติฐานดังกล่าว