นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต้อนรับ บมจ. เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มทรัพยากร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "SSP" ในวันที่ 27 กันยายน 2560 นี้
SSP ดำเนินธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่น (holding company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน SSP ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในและต่างประเทศ โดยลงทุน 100% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการเสริมสร้าง โซลาร์ จ.ลพบุรี ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา 40 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2558 และ 2) โครงการโซลาร์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) จ. ราชบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาและยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา 5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561
และมีเงินลงทุน 86.9%-100% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 5 โครงการปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญารวม 93 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทะยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2561 จำนวน 23 เมกะวัตต์ และภายในปี 2563 จำนวน 70 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ SSP ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (solar rooftop) ในประเทศไทยจำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 1.4 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4 ปี 2560
SSP มีทุนชำระแล้ว 922.00 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 691.63 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 230.38 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 18-20 กันยายน 2560 ในราคาหุ้นละ 7.70 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 1,773.89 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 7,099.40 ล้านบาท พร้อมกันนี้ Unity I. Capital Limited ในฐานะผู้ถือหุ้นของ SSP ได้นำหุ้นสามัญเดิมออกขายจำนวน 46.00 ล้านหุ้น ในราคาเดียวกัน มี บล. กสิกรไทย จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการคัดเลือกทำเลที่ตั้งโครงการ นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่นๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซชีวภาพ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย
เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและโครงการในอนาคตทั้งในส่วนของโครงการภายใต้การดำเนินงานของบริษัทและ/หรือบริษัทย่อย ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานและชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน
SSP มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวไกรพิสิทธิ์กุล ถือหุ้น 70.02 % Bank of Singapore Limited ถือหุ้น 1.03 % และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทิสโก้มาสเตอร์ร่วมทุน ถือหุ้น 0.44 %
การกำหนดราคาเสนอขาย IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนสถาบัน (book building) ซึ่งกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 7.70 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 18.3 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสล่าสุด (1 กรกฎาคม 2559-30 มิถุนายน 2560) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.4210 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี