บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับกรรมการบริษัทและแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้โดยยืนยันว่า บริษัทได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทและสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญและให้ผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิและความเสมอภาค และไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามคำสั่งของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทั้งนั้ จากข้อสอบถามของ ตลท.ว่า นับแต่วันที่ 31 พ.ค.60 มติคณะกรรมการบริษัทที่แต่งตั้งกรรมการทดแทนกรรมการที่ออกจากตำแหน่งในทุกครั้งเป็นการดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไรนั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 เป็นมติที่ใช้ได้อยู่และชอบด้วยกฎหมาย (ตามที่ได้ชี้แจ้งในข้อ 2.) การลาออกของกรรมการบริษัท 4 คนคือ
1. นายทวิช เตชะนาวากุล
2. นางสาวประนอม โฆวินวิพัฒน์
3. พลตำรวจเอกสุนทร ซ้ายขวัญ
4. นายปริญญา วิญญรัตน์
ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 เป็นผลให้บริษัทเหลือกรรมการ จำนวน 5 คน คือ
1. นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์
2. นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์
3. นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ
4. พลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์
5. นายธีติพันธ์ เทพผดุงพร ถือว่าครบเป็นองค์ประชุมตามกฎหมาย
ต่อมาบริษัทได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2560 ในวันที่ 1 มิ.ย.60 โดยที่ประชุมได้มีการลงมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนที่กรรมการเดิมที่ลาออก ได้แก่
1.นายปิยะพงศ์ วงศ์สุวัฒน์ แทน นายทวิช เตชะนาวากุล
2.นายวิภู มหารักขกะ แทน นางสาวประนอม โฆวินวิพัฒน์
3. นายพีรธัช สุขพงษ์ แทน พลตำรวจเอกสุนทร ซ้ายขวัญ
4. พลตรีไชยนาจ ญาติฉิมพลี แทน นายปริญญา วิญญรัตน์
และได้มีการลงมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบดังนี้
1. พลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ประธานกรรมการตรวจสอบ
2. นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ กรรมการตรวจสอบ
3. นายปิยะพงศ์ วงศ์สุวัฒน์ กรรมการตรวจสอบ
ซึ่งการแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทดังกล่าว เป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย และคุณสมบัติของคณะกรรมการตรวจสอบนั้นชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ บริษัทได้ชี้แจงเกี่ยวกับคุณสมบัติกรรมการตรวจสอบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว
สำหรับข้อสอบถามเกี่ยวกับผลหรือคำสั่งของนายทะเบียนเกี่ยวกับการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือความคืบหน้าใดๆ เกี่ยวกับผลการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการดังกล่าวนั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า ปัจจุบันนายทะเบียนบริษัทมหาชนมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2560 แต่คำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงกระบวนการและขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อรองรับสิทธิของนิติบุคคลสถานภาพของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่นั้น จึงต้องเป็นไปตามความประสงค์ของผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นหลัก มิใช่อยู่ที่การรับจดทะเบียน
ฉะนั้น ตราบใดที่ศาลยังมิได้สั่งเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ดังกล่าวก็ต้องถือว่ายังใช้ได้อยู่ ซึ่งข้อเท็จจริงในกรณีนี้ ได้มีผู้ถือหุ้นร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 แล้ว แต่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ดังนั้น มติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2560 ยังถือว่าเป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมายและยังใช้ได้อยู่
ในส่วนของการความคืบหน้าการโต้แย้งคำสั่งนายทะเบียนที่ไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการตามมติที่ประชุมสามัญประจำปี 2560 นั้น รมว.พาณิชย์ ได้ยกอุทธรณ์ของบริษัท โดยยืนตามคำสั่งนายทะเบียนที่มีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ บริษัทได้ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย และขอให้เพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนที่ไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการตามมติที่ประชุมสามัญประจำปี 2560 โดยให้มีคำสั่งให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนตามคำขอของบริษัทแล้ว ศาลได้กำหนดนัดพิจารณาคดีในวันที่ 22 ม.ค.61
ส่วนสรุปข้อมูลภาระหนี้ต่าง ๆ ที่ครบกำหนดชำระแล้วพร้อมทั้งอธิบายความคืบหน้าในการชำระหนี้ดังกล่าว และแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า ณ ปัจจุบันบริษัทมียอดคงเหลือตั๋วแลกเงินจำนวน 3,066 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นตั๋วแลกเงินที่ครบกำหนดชำระแล้วจำนวน 2,130 ล้านบาท และมีหุ้นกู้จำนวน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันที่ 4 พ.ย.60
สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้บริษัทสามารถชำระหนี้ดังกล่าวได้ครบถ้วนนั้น บริษัทได้เคยชี้แจงรายละเอียดไปแล้ว ตามแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (ตามเอกสารสารสนเทศสำคัญเลขที่ IFEC/สนบ/2560/0050 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2560) เนื่องจากวันที่ 5 ก.ย.60 ก.ล.ต.มีคำสั่งให้ นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการบริษัท พ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการ ซึ่งทำหน้าที่เรียกประชุม ทำให้บริษัทไม่สามารถจัดประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงเป็นผลให้ไม่สามารถดำเนินงานตามแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าวต่อได้
ทั้งนี้บริษัทได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลได้ตั้งนายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ เป็นผู้แทนบริษัททำหน้าที่ประธานกรรมการเป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องดังกล่าวให้สามารถบริหารกิจการต่อได้ โดยหากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวบริษัทจะแจ้งให้ทราบต่อไป