บมจ.เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี (AJA) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 12 ต.ค. อนุมัติจัดตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด เพื่อนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle:EV) ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (Charging Station) และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ และโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ตรายี่ห้อ “BYD" จากประเทศจีน
สำหรับบริษัทใหม่ดังกล่าว มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 50 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้น 45% ร่วมกับนายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ถือหุ้น 25% , นายบรมกช ลีนุตพงษ์ ถือหุ้น 10% , นายรณชัย จินวัฒนาภรณ์ ถือหุ้น 10% ,นายนัยสันต์ จันทรศรี ถือหุ้น 5% และนายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ถือหุ้น 5%
ทั้งนี้ การลงทุนในธุรกิจใหม่ดังกล่าวเป็นการร่วมทุนกัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท และเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจหลักของบริษัทอีกด้วย ตลอดจนสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอในอนาคต โดยบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทสำหรับการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติให้ความช่วยเหลือทางการเงิน แก่บริษัท เอเจ เวนดิ้ง จำกัด (AJV) ตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวนเงินไม่เกิน 16.50 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยมีระยะเวลากู้ยืมเมื่อมีการเพิ่มทุน หรือภายใน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.85% ต่อปี ซึ่งเท่ากับหรือไม่ต่ำกว่าต้นทุนทางการเงินของบริษัทโดยเฉลี่ย จะเริ่มเบิกงวดแรกภายในไตรมาส 4/60
สำหรับการช่วยเหลือดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่าในช่วงแรกของการทำธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ AJV มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนส่วนหนึ่งเพื่อลงทุนในตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ โดยความสามารถในการชำระคืนหนี้และดอกเบี้ยแก่บริษัท จะมาจากกระแสเงินสดจากการทำธุรกิจตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติและการเพิ่มทุน ซึ่งทางบริษัทได้พิจารณาแล้วว่าเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ธุรกิจจะมีความสามารถในการชำระหนี้และดอกเบี้ยคืนแก่บริษัทได้
นายอมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ AJA กล่าวว่า การดำเนินการจัดตั้งบริษัทใหม่ดังกล่าว เพราะเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโต ซึ่งเป็นกระแสความต้องการของโลกที่เปลี่ยนจากการใช้น้ำมันมาเป็นไฟฟ้า ช่วยลดมลพิษและสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจของบริษัท ทำให้มั่นใจว่าธุรกิจใหม่นี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่ง และสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต ขณะที่ในส่วนของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป ซึ่งแนวโน้มยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง