ธนาคารทหารไทย (TMB) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3/60 อยู่ที่ระดับ 2,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ขณะที่ตั้งสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า ระดับ 2,391 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากงวดปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในงวดไตรมาส 3/60 ลดง 14% จากไตรมาสก่อน หลังตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสก่อน
ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 6,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ สิ้นก.ย.60 มีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 2.44%
สำหรับในไตรมาส 3/60 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 6,193 ล้านบาท ลดลง 1.2% จากงวดปีก่อน และลดลง 0.1% จากไตรมาสก่อน ขณะที่มีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 2,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.2% จากงวดปีก่อน แต่ลดลง 1.3% จากไตรมาสก่อน ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อยู่ที่ 3,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% จากงวดปีก่อน แต่ลดลง 3.8% จากไตรมาสก่อน
การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีปัจจัยหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมลูกค้ารายย่อย โดยการขายกองทุนรวมและแบงก์แอสชัวรันส์ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับทั้งไตรมาส 2/60 และไตรมาส 3/59 สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมการเข้าถึงช่องทางการให้บริการของธนาคาร (Access fee) ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้เป็นระยะเวลาเบื้องต้น 15 ปี จะช่วยเพิ่มฐานรายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์แอสชัวรันส์และหนุนการเติบโตของรายได้จากปีก่อนหน้า
ด้านส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ลดลง 9 bps จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 3.11% ในไตรมาส 3/60 ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัย การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และจากการนำสภาพคล่องส่วนเกินไปลงทุนชั่วคราวในสินทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ อย่างไรก็ดีสำหรับรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ NIM ขยายตัว 4 bps มาอยู่ที่ 3.16% จากการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่ดี
ทั้งนี้ จากการเติบโตของรายได้และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน กำไรจากผลการดำเนินงานหลักยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) ในไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 5,048 ล้านบาท เติบโต 4.9% เทียบกับงวดปีก่อน และลดลง 1.7% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มี PPOP ทั้งสิ้น 6,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดปีก่อน
สำหรับ NPL ลดลงมาอยู่ที่ 2.44% จากการ write off เพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงเชิงลบที่อาจมีต่อผลการดำเนินงาน ทั้งนี้ ธนาคารยังคงตั้งสำรองฯ อย่างรอบคอบเพื่อรักษาอัตราส่วนสารองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ให้อยู่ในระดับสูง ในไตรมาส 3/60 ธนาคารตั้งสำรองอยู่ที่ 2,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนรอบ 9 เดือนแรกของปี 60 ตั้งสำรองฯ ที่ 6,914 ล้านบาท เติบโต 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ Coverage ratio ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 141%
ณ สิ้นเดือน ก.ย.60 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ (หักรายได้รอตัดบัญชี) เป็นจำนวน 619,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 4.3% นับจากสิ้นเดือนธ.ค.59
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ TMB กล่าวว่า สำหรับงวด 9 เดือนแรกปีนี้ สินเชื่อเติบโตได้ราว 4% จากต้นปี แม้สินเชื่อเอสเอ็มอียังชะลอตัว แต่สินเชื่อลูกค้าบุคคล โดยเฉพาะจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง และสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ก็ยังคงขยายตัวเช่นกัน
ทางด้านเงินฝากเพิ่มขึ้น 1% นับจากต้นปี จากฐานเงินฝากลูกค้าบุคคล โดยใน 9 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารสามารถขยายเงินฝากจากลูกค้าบุคคลได้ 5% ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากเพื่อการทำธุรกรรม “ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี” (TMB All Free) ที่ขยายตัว 34% หรือเงินฝากเพื่อการออม “ทีเอ็มบี โน-ฟิกซ์” (TMB No-Fixed) และ ME ที่เติบโตได้ 14% และ 7% ตามลำดับ
ในไตรมาสที่ 3/60 ธนาคารมี NPL ลดลงจากไตรมาส 2 เป็นจำนวน 167 ล้านบาท มาอยู่ที่ 18,041 ล้านบาท ซึ่งทำให้สัดส่วน NPL ขยับลดลงจาก 2.56% มาอยู่ที่ 2.44% และเริ่มส่งสัญญาณทรงตัวมากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงสถานะเงินกองทุนในระดับสูง สะท้อนได้จากอัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ภายใต้เกณฑ์ Basel III ที่อยู่ที่ 17.9% และ 13.6% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 9.75% และ 7.25% ตามลำดับ
"ธนาคารให้ความสำคัญในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงภายใต้แนวทาง “Need-Based Bank” กับ “Simple & Easy” ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าผ่าน Transactional banking และ Digital banking ได้ ส่งผลให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารก็จะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่จะช่วยให้ลูกค้าได้ใช้ชีวิตได้เต็มที่ในแบบลูกค้าต้องการต่อไป"นายบุญทักษ์ กล่าว