บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) อธิบายผลการดำเนินงานงวดในไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 52,355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,425 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2560 โดยมีสาเหตุจากราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ตามระดับราคาน้ำมันดิบ และปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นอยู่ที่ร้อยละ 93 คิดเป็นปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่น 201 พันบาร์เรลต่อวัน (ไตรมาส 2/2560 : 194 พันบาร์เรลต่อวัน)
กำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) ในไตรมาส 3/2560 มีจำนวน 9,331 ล้านบาท คิดเป็น 15.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1,091 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นผลจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โดยเฉลี่ยทั้งธุรกิจปิโตรเลียมและธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะจากน้ำมันดีเซลและผลิตภัณฑ์กลุ่มสไตรี นิคส์ โดยสาเหตุหลักเกิดจากอุปทานตึงตัว จากการที่โรงกลั่นน้ำมันและโรงปิโตรเคมีในสหรัฐอเมริกาหยุดการผลิตชั่วคราวจากผลกระทบของพายุเฮอริเคน และการปิดซ่อมบำรุงในภูมิภาค ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ในไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อคน้ำมันจำนวน 1,098 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์น้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่ามีผลขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมัน (Oil Hedging) 455 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 6,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,929 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 79 โดยมีต้นทุนทางการเงินสุทธิจำนวน 710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2560 ส่วนใหญ่จากการรับรู้ผลขาดทุนจากสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินและอัตราดอกเบี้ย (CCS/IRS) จำนวน 231 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 90 ล้านบาทจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและมีภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 846 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 3,248 ล้ำนบาท เพิ่มขึ้น 2,020 ล้านบาทหรือร้อยละ 164 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2560
เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้น 10,733 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 26 จากปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 โดยมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) เพิ่มขึ้น 2,252 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 32 มีกำไรจากสต๊อคน้ำมัน รวมค่าเผื่อการลดลงของสินค้าคงเหลือ (LCM) เพิ่มขึ้น 1,054 ล้านบาท และขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันลดลง 231 ล้านบาท ส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 3,537 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 114 มีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 239 ล้านบาทจากการบันทึกดอกเบี้ยจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากโครงการ UHV แล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,941 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 149
IRPC และบริษัทย่อย ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3/60 มีกำไรสุทธิ 3.25 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.16 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.31 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.06 บาท