เภสัชกรหญิง อมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนพิริยะ (TNP) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ขณะที่บริษัทยังคงรักษาการเติบโตที่ดีให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ได้ และมองว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ จะมีการจับใช้สอยจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นและเป็นฤดูกาลการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ประกอบกับมาตรการช็อปช่วยชาติของภาครัฐที่ออกมา เชื่อว่าจะเป็นตัวกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชนมากขึ้น รวมทั้งการรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ที่ส่วนใหญ่ทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ โครงการการประชารัฐสวัสดิการเพื่อให้ความช่วยเหลือกับผู้มีรายได้น้อย บริษัทก็ได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อรองรับการใช้บัตรดังกล่าว โดยล่าสุดได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตรพร้อมใช้งานแล้ว 2 สาขา คือ สาขาบ้านดู่ และสาขาเวียงปาเป้า และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเร่งให้ติดตั้งในสาขาที่เหลือ ปัจจุบันกำลังซื้อเริ่มคึกคักจากมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐบาล ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีผู้ได้รับบัตรสวัสดิการกว่า 300,000 คน
ทั้งนี้ ในปี 60 บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่ม 4 สาขา โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เปิดสาขาแรกไปแล้วที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ในปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเปิดสาขาที่สอง สาขาท่าวังทอง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา และสาขาที่สาม ในจังหวัดเชียงราย เปิดในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดสาขาใหม่แห่งที่ 4 อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่งผลให้ทั้งปีนี้มีสาขารวมกันทั้งสิ้น 19 สาขา และตั้งเป้าขยายสาขาต่อเนื่องในปี 61 อีก 4 สาขา โดยมีศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) เข้ามาช่วยเสริมสต็อกสินค้า รวมทั้งลดระยะเวลาในการขนส่งด้วย
"กุญแจสำคัญในการดูแลบริหารจัดการที่ดี จากศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่มีประสิทธิภาพบนพื้นที่กว่า 10,000 ตร.ม. รองรับสินค้าได้มากขึ้น ได้เปิดใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพเรียบร้อยแล้ว และคลังสินค้า เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนการขยายสาขาในช่วงต่อจากนี้ของธนพิริยะ ให้เป็นต้นแบบค้าปลีกของคนไทยที่แข็งแกร่งกว่าเดิม และเติบโตได้อย่างยั่งยืน"เภสัชกรหญิง อมร กล่าว
ด้านนายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ ของ TNP กล่าวว่า ผลประกอบการบริษัทงวดไตรมาส 3/60 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.83 และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 3.74 ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายรวมเติบโตขึ้น โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 398.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 33.86 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.28 ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 53.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 6.76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.52 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 13.37 และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 6.86 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการบริษัท งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 43.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.13 โดยมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 3.74 มีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,165.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 89.00 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.26 โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 155.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 19.32 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.24 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 13.30 การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นเกิดจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่ารายได้จากการขายส่งของสำนักงานใหญ่ และการได้รับค่าสนับสนุนจากการขายของผู้จำหน่าย เนื่องจากบริษัทมีการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่อง