บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) อนุมัติให้บริษัท ทรี–อาร์ดี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่ดำเนินธุรกิจให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านระบบโทรศัพท์ให้บริการ Call Center เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 18 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียน 36 ล้านบาท โดยมีส่วนล้ามูลค่าหุ้น 2 ล้านบาท โดยบริษัท และบริษัท สุวรรณหงส์ 55 จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น จะสละสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อให้บริษัท ซีเอ็นที เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนตามกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ และบุคคลซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท ทรี-อาร์ดี จำกัด ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นมูลค่าส่วนที่บริษัท สละสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 9 ล้านบาท
การสละสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จะทำให้บริษัท ถือหุ้นในบริษัท ทรี–อาร์ดี จำกัด ลงลดจากเดิมร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 25 และทำให้บริษัท ทรี–อาร์ดี จำกัด สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยแต่ยังคงเป็นบริษัทร่วมของบริษัท ขณะที่บริษัท สุวรรณหงส์ 55 จำกัด จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือร้อยละ 25 จากเดิมร้อยละ 49.99 ขณะที่บริษัท ซีเอ็นที เทคโนโลยี จำกัด จะเข้ามาถือหุ้นร้อยละ 49
สำหรับบริษัท ทรี–อาร์ดี จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านระบบโทรศัพท์ให้บริการ Call Center และให้คำปรึกษาด้านการตลาด การจัดจำหน่ายสินค้า และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตลอดจนจัดจำหน่ายซอฟท์แวร์ ให้บริการปรับเปลี่ยนซอฟท์แวร์ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ (Software Customization) และเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้เกี่ยวเนื่องกับการใช้ซอฟท์แวร์ดังกล่าว
ทั้งนี้ การที่บริษัท ซีเอ็นที เทคโนโลยี จำกัด เข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ จะทำให้บริษัท ทรี–อาร์ดี จำกัด สามารถใช้ประโยชน์จากซอฟท์แวร์ของบริษัท ซีเอ็นที เทคโนโลยี จำกัด เพื่อขยายการบริการในการขายสินค้าหรือให้บริการผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจากช่องทางโทรศัพท์ได้เพิ่มมากขึ้น เช่น Mobile Application และ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งเป็นการขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนั้น ยังขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมการจำหน่ายหรือการให้บริการด้านซอฟท์แวร์ และการพัฒนาและปรับเปลี่ยนซอฟท์แวร์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ รวมทั้งการจัดหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ซอฟท์แวร์ดังกล่าวซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของบริษัท ซีเอ็นที เทคโนโลยี จำกัดด้วย
สำหรับบริษัท ซีเอ็นที เทคโนโลยี จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟท์แวร์ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการขายสินค้าหรือให้บริการอย่างมากในประเทศเกาหลีใต้ โดยมีสัดส่วนการตลาดมากกว่าร้อยละ 90 การให้บริษัท ซีเอ็นที เทคโนโลยี จำกัด เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น จึงทำให้บริษัท ทรี-อาร์ดี จำกัด มีโอกาสขยายฐานธุรกิจไปยังลูกค้าของบริษัท ซีเอ็นที เทคโนโลยี จำกัด ทั้งในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง เช่น ประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชา เป็นต้น
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างบริษัท กับบริษัท ซอฟท์เดบู จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายไทย เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการด้าน Data Center, Cloud Services และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการเป็นผู้ให้บริการด้าน Internet Services Provider ภายหลังจากที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียน และบริษัท ซอฟท์เดบู จำกัด จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 ของทุนจดทะเบียน รวมเป็นมูลค่าเงินลงทุนในส่วนของบริษัท 18 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดในการดำเนินงานและลงทุนด้วยทรัพย์สินซึ่งเป็น Server และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ด้านประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับนั้น จะทำให้สามารถแก้ไขข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลใน Server และแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครือข่าย (Network) ต่าง ๆ ของบริษัท รวมทั้งแก้ไขปัญหาเรื่องกำลังคนในการดูแลและบริหารจัดการ นอกจากนั้น ยังเป็นการลดการลงทุนด้านอุปกรณ์ Server และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องของบริษัทด้วย ตลอดจนสร้างโอกาสในการประกอบธุรกิจให้บริการด้าน Data Center, Cloud Services และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง การให้บริการด้านเครือข่าย รวมทั้งดำเนินการเป็นผู้ให้บริการด้าน Internet Services Provider เมื่อได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 28.81 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.49 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้รวมที่ลดลงร้อยละ 12.62 มาที่ 798.58 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายสินค้าทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ หลังได้รับผลกระทบจากภาวะการซื้อสินค้าในไตรมาส 3 ที่ชะลอตัวทำให้ปริมาณการสั่งซื้อสินค้าจากผู้บริโภคลดลงประมาณร้อยละ 7 หรือคิดเป็นเงินประมาณ 58 ล้านบาท ทำให้กำไรหายไปประมาณ 17 ล้านบาท
นอกจากนี้สัดส่วนของต้นทุนสินค้าต่อยอดขายในส่วนของการขายสินค้ายังคงไม่สามารถลดลงได้จากภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น เกิดต้นทุนในการจัดกลุ่มสินค้าเพื่อขายสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นร้อยละ 8 กำไรลดลงไปประมาณ 37 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับแผนการโฆษณาสินค้ารูปแบบใหม่และได้ดำเนินการแล้วในปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมาก ส่งเสริมให้ยอดขายเติบโตมากขึ้น