ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย SP หุ้น บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ในรอบการซื้อขายวันนี้ (15 พ.ย.) กรณีผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินของบริษัทสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ อย่างไรก็ตามจะปลดเครื่องหมาย SP ตั้งแต่รอบเช้าวันที่ 16 พ.ย. พร้อมกับขึ้นเครื่องหมาย NP ในวันเดียวกัน และจะคงเครื่องหมาย NP จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขหรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าไม่ต้องแก้ไขงบการเงิน
ขณะที่ PACE แจงสาเหตุที่ไม่แสดงความเห็นของผู้สอบบัญชีสำหรับงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 ซึ่งผู้สอบบัญชี บริษัท เบเคอร์ ทิลลี่ ออดิท แอ็ดไวเซอร์รี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ให้ข้อสรุปต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม และการให้ข้อสรุปอย่างมีเงื่อนไขต่องบแสดงฐานะการเงินระหว่างกาลสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 จากการถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์เรื่องการประมาณการรายได้ของจุดชมวิว โดยสามารถแบ่งความเห็นออกเป็น 2 เกณฑ์ดังนี้
1. เกณฑ์ในการไม่ให้ข้อสรุปต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมนั้น กลุ่ม PACE ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระแห่งหนึ่ง เพื่อทำการประเมินมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน บริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด โดยใช้วิธีประมาณการรายได้ (Income Approach) และคำนวณคิดลดกระแสเงินสดมาเป็นมูลค่าปัจจุบันตามรายงานของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระดังกล่าวลงวันที่ 12 พ.ค.60 เงินลงทุนดังกล่าวมีมูลค่ายุติธรรม จำนวนเงิน 8,231 ล้านบาท และกลุ่ม PACE ได้บันทึกเงินลงทุนในงบแสดงฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 30 ก.ย.60 จำนวนเงิน 8,231 ล้านบาท และรับรู้ผลกระทบจากการสูญเสียการควบคุมในบริษัทย่อยในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม สำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 จำนวนเงิน 8,857 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากข้อจำกัดโดยสถานการณ์ ผู้สอบบัญชี ไม่สามารถให้ข้อสรุปการสอบทานรายงานของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระดังกล่าวเกี่ยวกับการประมาณการรายได้ของจุดชมวิว จากข้อเท็จจริงที่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จจึงไม่มีการประกอบพาณิชยกิจจริงเพื่อเปรียบเทียบและเป็นธุรกิจใหม่ในตลาดของไทย จึงไม่สามารถให้ข้อสรุปผลการสอบทานต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม สำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60
2. เกณฑ์ในการให้ข้อสรุปอย่างมีเงื่อนไขต่องบแสดงฐานะทางการเงินรวมนั้น จากการที่ผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม ส่งผลให้ผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปได้ว่า อาจมีรายการผลปรับปรุงใด ๆที่อาจมีขึ้นต่องบแสดงฐานะการเงินรวม ณ วันที่ 30 ก.ย.60 จึงแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขต่องบแสดงฐานะทางการเงินรวม
ทั้งนี้ จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระโดยใช้วิธีประมาณการรายได้ (Income Approach) และคำนวณคิดลดกระแสเงินสดมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน และจากข้อเท็จจริงที่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จจึงส่งผลให้ผู้สอบบัญชีถูกจำกัดโดยสถานการณ์จึงไม่สามารถพิสูจน์รายได้ในอนาคตหรือข้อมูลเปรียบเทียบสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงในประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตามบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพื่อประกอบสมมุติฐาน เช่นเปรียบเทียบจำนวนผู้เข้าชมจุดชมวิวกับตึกชมวิวตามประเทศต่าง ๆ 9 แห่งทั่วโลก รวมถึงเทียบกับตึกใบหยกที่สูงเป็นอันดับ 2 ในไทยที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าชมตึกเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี และเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก อีกทั้ง จุดชมวิวในโครงการมหานครได้มีการออกแบบให้มีลิฟท์ที่มีความจุและเร็วที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนี้ ซึ่งทำให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมจุดชมวิวได้มากกว่า 3 ล้านคนต่อปี ซึ่งหากสินทรัพย์มีการก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดาเนินการได้ บริษัทจะมีรายได้ตามสมมุติฐานดังกล่าว