บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) แจ้งว่าบริษัทโดยมติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 15/2560 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2560 จะเข้าทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท ซีอาร์ โซลาร์ จำกัด (CRS) ขนาด 1 เมกะวัตต์ (MW) ตั้งอยู่ที่ อ.เถิน จ.ลำปาง แทนการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลของบริษัท ทรู เอ็นเนอร์ยี่ เพาเวอร์ ลพบุรี จำกัด (TRUE-P) ซึ่งบริษัทได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนแล้ว แต่ไม่สามารถทำความตกลงในการเข้าลงทุนได้
ทั้งนี้ บริษัท และ CRS ได้เข้าลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 เพื่อโอนเงินมัดจำไว้เป็นประกันการชำระราคาการซื้อขายกิจการซึ่งคำนวณบนต้นเงินกู้จำนวน 50 ล้านบาท ดอกเบี้ยจากต้นเงินกู้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2560 จำนวน 2.02 ล้านบาท และดอกเบี้ยในอนาคตตามสัญญากู้ยืมเงินที่ได้ทำความตกลงและดำเนินการไว้แล้วตามบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท กับ TRUE-P ฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2559 ซึ่ง TRUE-P จะให้ความยินยอมแก่การโอนมัดจำดังกล่าว และตกลงให้บันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท กับ TRUE-P ฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2559 สิ้นผลลงนับตั้งแต่วันที่บริษัท และ CRS ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน
บริษัท จะเข้าทำการตรวจสอบสถานะของกิจการ เป็นเวลา 60 วัน นับจากวันที่บริษัทได้รับข้อมูลจาก CRS ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญครบถ้วนแล้ว และจะทำการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และตัดสินใจเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป
นอกจากนี้ ทางบริษัท จะจัดทำหนังสือข้อตกลงเพิ่มเติม สำหรับสัญญากู้ยืมเงิน ฉบับวันที่ 26 ธันวาคม 2559 เพื่อตกลงขยายระยะเวลาการจ่ายชำระคืนหนี้ให้กับทางบริษัท ออกไปจนถึงวันที่ 26 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ เอกสารการขยายระยะเวลาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 จาก ครั้งที่ 1 ขยายระยะเวลาถึงวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 และ ครั้งที่ 2 ขยายระยะเวลาถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2560 และครั้งที่ 3 ขยายระยะเวลาถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2560
อนึ่ง ECF ได้วางเงินมัดจำ 50 ล้านบาท เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ในจ.ลพบุรี ของ TRUE-P ซึ่งเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นของกลุ่มบมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) ซึ่งหากผลการศึกษาเป็นที่น่าพอใจ เงินมัดจำดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของราคาซื้อขาย แต่หากไม่เป็นที่น่าพอใจ IFEC จะต้องคืนเงินมัดจำดังกล่าว
แต่เนื่องจากขณะนั้นทาง IFEC ต้องการเงินจำนวน 50 ล้านบาท จึงขอให้ ECF จัดทำสัญญาในรูปแบบเงินกู้ยืมระยะสั้นไม่เกิน 90 วันขึ้นมาระหว่าง IFEC และ ECF คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.25 ต่อปี โดยเสนอหลักประกันคือหุ้นที่ IFEC ถืออยู่ในบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ จำกัด (IFEC-T) จำนวน 5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8.3% มาจำนำ และให้ระบุไว้ในเงื่อนไขสัญญาว่าสามารถใช้แทนการวางเงินมัดจำตามสัญญาได้ ขณะที่ IFEC-T ถือหุ้นใน TRUE-P จำนวน 99.99%
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท ซีอาร์ โซลาร์ จำกัด ดังกล่าว เป็น 1 ในโรงไฟฟ้าของกลุ่ม IFEC เช่นเดียวกัน