บมจ.คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) (KWG) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. อนุมัติให้บริษัทลูกที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่โดยบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด (บริษัทลูก) เข้าซื้อหุ้นสามัญในบมจ.คิวบีอี ประกันภัย (ประเทศไทย) (คิวบีอีไทย) จาก QBE Asia Pacific Holdings Limited (คิวบีอีเอเชีย) และบริษัท สินก้าวหน้ามหาศาล จำกัด (สินก้าวหน้า) ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 98.24 ที่ราคาซื้อขายเบื้องต้นเป็นเงิน 815 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ยังอนุมัติการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น (แบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน) สำหรับหุ้นที่ซื้อขาย ระหว่างบริษัท, Hong Kong King Wai Group Company Limited (ในฐานะผู้ค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัท), คิวบีอีเอเชีย และ สินก้าวหน้า
สำหรับคิวบีอีไทย เดิมจดทะเบียนในชื่อ บริษัท สหสินประกันภัย จำกัด ในปี 2532 และได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เจเนอรัล คิวบีอี ประกันภัย จำกัด ในปี 2540 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท คิวบีอี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2541 ทั้งนี้ ใน 2556 คิวบีอีไทยได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
ปัจจุบัน คิวบีอีไทยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยทุกประเภทภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยเลขที่ ป. 4/2541 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2541 โดยคิวบีอีไทยดำเนินธุรกิจรับประกันวินาศภัยหลากหลายประเภท มุ่งเน้นการรับประกันภัยวิศวกรรม การรับประกันภัยทางทะเล การรับประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก การรับประกันภัยความรับผิดสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพ ตลอดจนการรับประกันภัยทรัพย์สิน
ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นในคิวบีอีไทยจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในระยะยาว โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทและธุรกิจการรับประกันวินาศภัยสามารถช่วยส่งเสริมกันและกันในด้านต่าง ๆ เช่น ในด้านฐานลูกค้า โดยจะทำให้บริษัท (โดยผ่านบริษัทประกันวินาศภัย) สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยแก่ลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท หรือบริษัทสามารถแนะนำฐานลูกค้าใหม่ให้กับบริษัทประกันภัยจากเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เป็นต้น
การลงทุนในธุรกิจประกันวินาศภัยจะทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้นในระยะยาว (ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขเกี่ยวกับการดำรงอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัยตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง) เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น โดยปกติแล้วจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งนับตั้งแต่มีการลงทุนจึงจะสามารถสร้างกระแสรายได้ขึ้นมาได้
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังเห็นชอบการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จาก 9.48 พันล้านบาท เป็น 1.32 หมื่นล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 369.48 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) ที่ 2.564633 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.49 บาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินเพิ่มทุนราว 920 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ในการซื้อกิจการคิวบีอีไทย