บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) แจ้งว่าบริษัท มาสเตอร์ สแตนดาร์ด ดิสเพลย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท ดับบลิว.พี.เอส.มีเดีย จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยภายในสนามบิน ส่งผลให้เข้าถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วน 50% ด้วยเงินลงทุน 3 ล้านบาท เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของบริษัทในการขยายธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยภายในสนามบิน
ขณะเดียวกันยังได้เปิดเผยถึงแนวโน้มและพัฒนาการของบริษัทในปีนี้ โดยมองว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2561 มีแนวโน้มการขยายตัวชัดเจนต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ซึ่งเป็นผลของภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ประกอบกับการลงทุนภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ และภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกเหล่านี้ส่งผลให้คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของปี 2561 จะเติบโตสูงในอัตรา 3.8%
จากแนวโน้มการขยายตัวในอัตราที่สูงของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้รายได้และกำลังซื้อของภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันความต้องการใช้สื่อโฆษณาของผู้ผลิตสินค้าและบริการเพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันและสร้างยอดขายให้สูงขึ้น บริษัทจึงคาดการณ์ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในปี 2561 จะได้รับผลในเชิงบวกอย่างชัดเจน จากการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และจะสามารถกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งหลังจากผ่านช่วงการถวายความอาลัยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2560
ดังนั้น บริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยเครือข่ายสื่อโฆษณาของบริษัทที่หลากหลายซึ่งสามารถตอบโจทย์ทางการตลาดของเจ้าของสินค้าและบริการได้เป็นอย่างดี บริษัทจะยังคงสามารถขยายตัวได้ในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรมดังเช่นผลประกอบการในอดีต เนื่องจากการขยายพื้นที่สื่อนอกที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศเพื่อรองรับการเติบโตของหัวเมืองในต่างจังหวัด ตามแผนการขยายเครือข่ายสื่อต่าง ๆ ได้แก่ สื่อโฆษณาดิจิตอล ที่มีแผนขยายเครือข่ายสื่อโฆษณาดิจิตอลในทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญของพื้นที่กรุงเทพฯเพิ่มเติมอีกมากกว่า 100 จอภาพ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการขยายความครอบคลุมของสื่อดิจิตอลทั่วประเทศ Plan B TV Nationwide เพิ่มเติมจาก ณ สิ้นปี 2560 ที่มีให้บริการจำนวน 96 จอภาพเป็นกว่า 116 จอภาพทั่วประเทศภายในปี 2561
สื่อโฆษณาในสนามบิน นอกเหนือจากที่บริษัทได้เริ่มให้บริการสื่อในหมวด Air Traveller ใน สนามบินของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) และสนามบินของกรมท่าอากาศยาน รวมเป็นกว่า 31 แห่งแล้วในปัจจุบัน บริษัทยังคงมีแผนการเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณาในสนามบินต่อไป เพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนักเดินทางทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีกาลังซื้อสูงกว่า 148 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้มีแผนการพัฒนาความร่วมมือระหว่างบริษัท และบีเอ็มเอ็นซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิเชิงพาณิชย์ต่างๆของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน โดยแผนระยะสั้นจะร่วมกันพัฒนารูปแบบของสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า MRT ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายเพื่อเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงและเพิ่มศักยภาพการหารายได้ นอกจากนี้การนำสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า MRT มารวมขายเข้ากับเครือข่ายสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยของแพลนบีที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯ จะช่วยเพิ่มอัตราการใช้สื่อ (Utilization Rate) ของทั้ง 2 บริษัทให้สูงขึ้น
สำหรับในอนาคตยังมีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันจากสิทธิในการบริหารเชิงพาณิชย์ที่ได้รับบนโครงการต่าง ๆ ของบีอีเอ็ม อาทิ สิทธิในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีรถไฟฟ้า MRT ซึ่งประกอบด้วย 3 สิทธิ ได้แก่ 1)การบริหารสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ 2)การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3)การให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งสิทธิเชิงพาณิชย์ทั้ง 3 สิทธิดังกล่าวจะเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจขึ้นในอนาคตอันใกล้ จากการขยายเครือข่ายของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่เพิ่มขึ้นจากจานวน 19 ขบวนเป็น 54 ขบวน เพื่อเชื่อมต่อสถานีเพิ่มขึ้นจาก 18 สถานีเป็น 38 สถานี และมีระยะทางเพิ่มขึ้นจาก 20 กิโลเมตร เป็น 47 กิโลเมตร ครบตามแผนที่วางไว้ภายในปี 2563
นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการเติบโตจากเมกะโปรเจคต่างๆ กำลังถูกพัฒนาขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารขึ้นจาก 4 แสนคนต่อวัน สู่ระดับ 1 ล้านคนต่อวัน และการลงทุนในครั้งนี้ยังถือเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งแพลนบีและบีเอ็มเอ็นร่วมกันพัฒนาเชิงพาณิชย์บนโครงการทางด่วนทั้งสายศรีรัชและสายอื่น ๆ ในอนาคตที่บีอีเอ็มเป็นผู้รับสัมปทาน เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการทางด่วนอีกกว่า 2 ล้านคันต่อวัน ด้วยแนวโน้มการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับรถไฟฟ้า MRT และโครงการทางด่วนในอนาคต ถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้บีเอ็มเอ็นสามารถสร้างรายได้ในระดับ 1,200-1,500 ล้านบาทต่อปี
ขณะเดียวกันมีแผนจะนำเสนอบริการแพคเกจเครือข่ายสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยภูมิภาคอาเซียน (ASEAN OOH Media Network Package) โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีฐานผู้บริโภคกระจายอยู่ในหลากหลายประเทศทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน การนำเสนอแพคเกจสื่อโฆษณาจากทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียนภายใต้การให้บริการของแพลนบีจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่เหล่านี้สามารถเลือกใช้เครือข่ายสื่อโฆษณาฯ ที่มีประสิทธิภาพสูงในการเข้าถึงผู้บริโภคทั้งภูมิภาคภายใต้มาตรฐานของแพลนบีอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันการนำเสนอแพคเกจเครือข่ายแบบภูมิภาคซึ่งมีมูลค่าสูงจะช่วยให้แพลนบีสามารถให้ข้อเสนอด้านราคาและรายการส่งเสริมการขายที่ดีกว่าคู่แข่งในแต่ละประเทศ และสามารถเข้าถึงงบประมาณโฆษณาระดับภูมิภาคโดยตรงและตัดโอกาสการแข่งขันจากผู้ให้บริการสื่อโฆษณาฯในแต่ละประเทศ
ตอลดจนมีแผนพัฒนาธุรกิจในฐานะตัวแทนจำหน่ายเพื่อนำสิทธิต่างๆ ที่ยังคงว่างและไม่ได้ใช้ประโยชน์ ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัท ไทยลีก จำกัด โดยเฉพาะสิทธิการผลิตและจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ของสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งสามารถสร้างโอกาสในการหารายได้จากสินค้าและบริการที่ต้องการนำตราสัญลักษณ์ของสมาคมฟุตบอลฯ ไปใช้เพิ่มมูลค่าและสร้างยอดขาย