บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2561 เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมและรีสอร์ท โดยให้บริษัทย่อยที่บริษัทจะจัดตั้งขึ้นใหม่ภายใต้กฎหมายประเทศสิงคโปร์ และบริษัท จะถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 100 (ผู้ซื้อ) เข้าลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมและรีสอร์ท รวมจำนวน 6 โครงการใน 4 ประเทศ อันได้แก่ (1) โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort ประเทศฟีจี (2) โรงแรม Castaway Island ประเทศฟีจี (3) โรงแรม Outrigger Laguna Phuket Beach Resort ประเทศไทย (4) โรงแรม Outrigger Koh Samui Beach Resort ประเทศไทย (5) โรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort ประเทศมอริเชียส และ (6) โรงแรม Outrigger Konotta Maldives Resort ประเทศ มัลดีฟส์ (รวมเรียกว่า "กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมาย")
โดยซื้อจากกลุ่ม Outrigger Hotels Hawaii ซึ่งเป็น partnership ประเภทจำกัดความรับผิดของรัฐฮาวาย (กลุ่มผู้ขาย) รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่เกิน 7,909 ล้านบาท ผ่านการซื้อเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทที่บริษัทในกลุ่มผู้ขายจะจัดตั้งขึ้นใหม่ภายใต้กฎหมายของประเทศหมู่เกาะเคย์แมน (บริษัทเป้าหมาย) ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของจำนวนเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทเป้าหมาย
นอกจากนี้ ผู้ซื้ออาจชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมายบางส่วนอันเป็นผลจากการที่กลุ่มผู้ขายโอนเงินลงทุนในบริษัทเป้าหมายให้แก่ผู้ซื้อ โดยการชำระหนี้เงินกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินดังกล่าวมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่เกิน 3,164 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่เกิน 11,073 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัท อาจต้องเข้าทำสัญญากับสถาบันการเงินใด ๆ ดังกล่าวเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน ค้ำประกัน ให้คำรับรอง และ/หรือยอมรับข้อตกลงการทำการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายเงินลงทุน
โดยเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) บริษัทได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายเงินลงทุนแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน (Equity Purchase Agreement) กับ APAC Real Estate Holdings LLC ซึ่งเป็นบริษัทประเภทจำกัดความรับผิดของรัฐเนวาดา และ Outrigger Hotels Hawaii ซึ่งเป็น partnership ประเภทจำกัดความรับผิดของรัฐฮาวาย ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มผู้ขาย (สัญญาซื้อขายเงินลงทุน) โดยกำหนดให้ผู้ซื้อเป็นผู้เข้าซื้อเงินลงทุนในบริษัทเป้าหมาย และการซื้อขายเงินลงทุนจะเกิดขึ้นเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายเงินลงทุนได้สำเร็จลงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เมื่อดำเนินการเข้าซื้อเงินลงทุนในบริษัทเป้าหมายเสร็จสิ้น ลงนามในสัญญาบริหารจัดการโรงแรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมายกับบริษัทในกลุ่มผู้ขาย ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขบังคับก่อนของสัญญาซื้อขายเงินลงทุน (สัญญาบริหารจัดการโรงแรม) เพื่อให้การบริหารจัดการกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมายภายหลังการเข้าซื้อเงินลงทุนในบริษัทเป้าหมายสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับแหล่งที่มาของเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการของกลุ่มบริษัท จำนวนประมาณไม่เกิน 158 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณไม่เกิน 4,999 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณไม่เกิน 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณไม่เกิน 6,074 ล้านบาท
การเข้าลงทุนครั้งนี้ นับเป็นการลงทุนที่มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจโรงแรมของกลุ่มบริษัท ที่เน้นการลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว (Tourist destination) ,กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมายทั้ง 6 โครงการ เป็นโครงการที่มีศักยภาพ และอยู่ในประเทศที่มีแนวโน้มด้านอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ,การลงทุนในกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมาย ใน 4 ประเทศ เป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของกลุ่มบริษัท และการลงทุนในกิจการของกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเป้าหมายดังกล่าวเป็นการลงทุนที่จะสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องในระยะยาว (Recurring income) ให้แก่กลุ่มบริษัท