นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู (BANPU) แจ้งคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีความแพ่งที่นายศิวะ งานทวีและพวก เป็นโจทก์ ฟ้องบมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) และ BANPU และ บริษัท บ้านปู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นจำเลย โดยกล่าวอ้างว่าร่วมกันละเมิดและเรียกค่าเสียหายเนื่องจากการละเมิด เพื่อประสงค์จะได้ข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหินรวมทั้งรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหbนลิกไนต์ที่เมืองหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (โครงการหงสา) ว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษากรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า เข้าร่วมทำสัญญาพัฒนาโครงการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลโดยไม่มีเจตนาเข้าทำโครงการจริง ศาลพิจารณาว่า จำเลยมีความสุจริตในการเข้าทำสัญญาและมีเจตนาทำโครงการจริง มิใช่เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล
กรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมาเพื่อให้โครงการล่าช้า อันเป็นเหตุให้รัฐบาลลาวยกเลิกสัมปทานกับโจทก์ ศาลพิจารณาว่า จำเลยมีความสุจริต ทำเพื่อประโยชน์ของโครงการ และรัฐบาลลาวมิได้ใช้เหตุนี้ในการยกเลิกสัมปทานกับโจทก์
กรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยยุยงรัฐบาลลาว ให้ยกเลิกสัมปทานกับโจทก์ ศาลพิจารณาว่า จำเลยมีความสุจริต มิได้ยุยง การยกเลิกสัมปทานเป็นการตัดสินใจของรัฐบาลลาว เพื่อประโยชน์ของประชาชนลาว
กรณีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยใช้ข้อมูลโครงการของโจทก์ ศาลพิจารณาว่า เป็นการใช้ข้อมูลที่มีมูลค่าของโจทก์จึงกำหนดให้ จำเลย จ่ายค่าใช้ข้อมูลเป็นจำนวนเงิน 1,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550
สำหรับความรับผิดชอบในการจ่ายเงินตามคำพิพากษาของศาลนั้น BANPU และ BPP และบริษัท บ้านปู อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จะร่วมรับผิดชอบในจำนวนเท่าๆ กัน
ทั้งนี้บริษัทฯ จะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโดยจะทำการชำระเงินตามคำพิพากษาทั้งหมดให้เสร็จสิ้นโดยทันที
การชำระเงินดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทฯ แต่อย่างใด เนื่องจากผลคดีดังกล่าวมีความชัดเจนแล้ว
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปลดเครื่องหมาย "H" หลักทรัพย์ บมจ. บ้านปู (BANPU) และ บมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) และหลักทรัพย์ที่มี BANPU และ BPP เป็นหลักทรัพย์อ้างอิง รอบบ่ายวันนี้ 2561 เพื่อซื้อขายตามปกติต่อไป หลังบริษัทได้เปิดเผยผลคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว