นายสมพร มั่งมี ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานกรรมการบริหาร บมจ.พีเออี (ประเทศไทย) (PAE) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ประกาศให้หลักทรัพย์ของ PAE เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะทางการเงินและการดำเนินงานเนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าศูนย์เป็นเหตุให้อาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ต่อมาบริษัทได้มีมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทเลือกการดำเนินการฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลายกลางตามพระราชบัญญัติล้มละลายเพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนดังกล่าว โดยบริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ ฟ. 23/2560 และศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องไว้ โดยขณะนี้ศาลได้ทำการสืบพยานผู้ร้องขอและลูกหนี้และผู้คัดค้านแล้วเสร็จนั้น
บริษัทขอรายงานความคืบหน้าให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบว่า บัดนี้ศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งในวันที่ 8 มีนาคม 2561 โดยให้ยกคำร้องของผู้ร้อง/ลูกหนี้ (คำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท) แต่อย่างไรก็ตามยังคงถือว่าคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลล้มละลายดังกล่าวเป็นเพียงคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เท่านั้น ปัจจุบันยังคงถือว่าคดีฟื้นฟูกิจการของบริษัทยังคงไม่เป็นที่สิ้นสุด บริษัทยังคงสามารถอุทธรณ์คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลล้มละลายกลางต่อไปได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2561 ประชุมเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2561 ยังคงเชื่อมั่นในแนวทางในการฟื้นฟูกิจการผ่านกฎหมายล้มละลายกลางเช่นเดิมจึงมีมติอนุมัติให้บริษัทยื่นอุทธรณ์โต้แย้ง คำสั่งศาลล้มทละลายกลางไปยังศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีล้มละลายภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคาสั่งยกคำร้องขอใหฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2558 โดยบริษัทจะรีบยื่นอุทธรณ์ เพื่อที่เสนอข้อโต้แย้งคำสั่งของศาลล้ม ละลายกลาง เนื่องจากเห็นว่ามีเหตุผลที่ทางบริษัทสามารถโต้แย้งได้