บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 เติบโต 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาที่ระดับ 1.21 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากความสามารถในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจสินเชื่อบุคคล มูลค่าหนี้สูญได้รับคืนยังคงเพิ่มจำนวนสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายทางการเงิน รวมถึงหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่ารายได้รวม แม้จะถูกกระทบจากการปรับลดการคิดอัตราดอกเบี้ยรับของสินเชื่อบัตรเครดิต และการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตอย่างชะลอตัว
"ในไตรมาสแรกของปี 61 บริษัทสามารถสร้างรายได้และผลกำไรเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ว่าพอร์ตลูกหนี้รวมจะเติบโตในลักษณะชะลอตัวลง เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและกฎระเบียบที่ออกมาบังคับใช้กับธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลตั้งแต่เดือนกันยายน 60 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เมื่อพอร์ตโตได้ช้าลง จากที่เคยเพิ่มที่ 11% ในไตรมาส 1 ปี 60 เป็นโตที่ 6% ณ ไตรมาส 1 ปี 61 การตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจึงลดลง ขณะเดียวกันบริษัทสามารถติดตามหนี้คืนบันทึกเป็นรายได้หนี้สูญได้รับคืนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารงานแม้จะเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มในอัตราที่น้อยกว่าอัตราเติบโตของรายได้รวมที่สูงขึ้น ประกอบกับบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงินได้ดี ทำให้ผลการดาเนินงานของบริษัทยังคงเติบโต"KTC ระบุ
KTC ระบุเพิ่มเติมว่า ในงวดปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากกฏเกณฑ์การปรับลดการคิดอัตราดอกเบี้ยรับของสินเชื่อบัตรเครดิตจาก 20% เป็น 18% ทำให้อัตราขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยรวมไตรมาส 1/61 เท่ากับ 3% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 ที่ขยายตัว 13% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงสามารถขยายฐานบัตร และยังเติบโตในยอดลูกหนี้รวม โดยรายได้ค่าธรรมเนียมยังเพิ่มขึ้นที่ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้รายได้รวมเท่ากับ 5.11 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสแรกปี 60
ในด้านค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) เท่ากับ 35.5% ลดลงจาก 36.2% เมื่อเทียบกับ ณ ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในรอบสองเดือนปี 61 ปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทขยายตัว 7.9% ต่ำกว่าอัตราเติบโตของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 9.9% เนื่องจากพอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตโตในลักษณะที่ชะลอตัวลง สำหรับในเดือนมี.ค. บริษัทมีอัตราเติบโตของปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรที่ 9.2% ทำให้ไตรมาส 1/61 บริษัทมีอัตราเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 8.4%
สำหรับยอดลูกหนี้รวมขยายตัวที่ 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือมีจำนวน 7.02 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นลูกหนี้บัตรเครดิตรวมเพิ่มจาก 4.33 หมื่นล้านบาท เป็น 4.53 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากงวดปีก่อน และลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวมจาก 2.22 หมื่นล้านบาท เป็น 2.45 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไตรมาส 1/61 เท่ากับ 15.08% ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 60 ที่เคยอยู่ที่ 15.56% เนื่องจากค่าเฉลี่ยดอกเบี้ยรับลดลงจาก 18.77% เหลือ 18.10% ด้วยผลกระทบของการปรับลดการคิดอัตราดอกเบี้ยรับของสินเชื่อบัตรเครดิต แม้ว่าบริษัทจะสามารถลดต้นทุนเงินทุนจาก 3.21% เป็น 3.02% ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการควบคุมคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ดีต่อเนื่อง โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รวมของบริษัทอยู่ที่ 1.34% ใกล้เคียงกับที่ 1.32% ณ สิ้นปี 60 แต่ลดลงจากไตรมาส 1/60 ที่อยู่ที่ 1.65%
ณ สิ้นเดือน มี.ค.61 บริษัทมีฐานสมาชิกเติบโต 3.3% จากปีก่อน โดยมีจำนวนฐานสมาชิกทั้งสิ้น 3.1 ล้านบัญชี แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2.21 ล้านบัตร เพิ่มขึ้น 3.5% และสินเชื่อบุคคลจำนวน 8.58 แสนบัญชี เพิ่มขึ้น 2.8%
KTC ระบุอีกว่า บริษัทวางแนวทางดำเนินงานสำหรับปี 61 ด้วยแผนขยายตัวของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมที่ไม่ต่ำกว่า 15% พอร์ตลูกหนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% และรักษาระดับ NPL ให้อยู่ในระดับเดียวกันกับปี 60 ดังนั้น บริษัทคาดว่าจะสามารถทำกำไรในปีนี้ได้สูงกว่าปี 60