บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) และบมจ.เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) (NPP) แจ้งความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Business) โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวอยู่ภายใต้ชื่อบริษัท สยาม เกตเวย์ จำกัด มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 50 ล้านบาท ซึ่งจะจดทะเบียนจัดตั้งในไทยให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.61 และจะเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่เดือน ก.ค.61
สำหรับบริษัทร่วมทุนดังกล่าว TACC จะถือหุ้น 51% และ NPP ถือหุ้น 49% เพื่อประกอบธุรกิจการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One Stop Service) ซึ่งรวมถึงการบรรจุผลิตภัณฑ์ และจัดจำหน่ายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อส่งออกต่างประเทศทั้งในรูปแบบ Online, Offline, B2B, B2C และสถานที่ขายสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ต่าง ๆ ในภูมิภาคใกล้เคียง
นาย ชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวว่า บริษัท สยามเกตเวย์ จำกัด คาดว่าจะมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 50 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการร่วมลงทุนครั้งนี้ TACC จะนำเงินมาจากเงินทุนหมุนเวียนมูลค่าราว 25.50 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นอยู่กับผลการเจรจาระหว่าง TACC และ NPP ซึ่งคาดว่าจะผลเจรจาให้แล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 3 ของปี 2561
"เรามั่นใจว่าการร่วมทุนครั้งนี้จะสามารถส่งเสริม และต่อยอดธุรกิจหลักของบริษัทได้ผ่านช่องทาง การจัดจำหน่ายของบริษัทร่วมทุน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้า และจะช่วยขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น รวมถึงจะสามารถช่วยสร้างการเติบโตที่ดีให้กับบริษัทได้ในอนาคต" นาย ชัชชวี กล่าว
ด้าน นายศุภจักร ไตรรัตโนภาส ประธานกรรมการบริหาร NPP กล่าวว่า การร่วมทุนทางธุรกิจระหว่าง NPP และ TACC ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเป็นการขยายศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งเชื่อแน่ว่าเป็นการจับมือที่ win-win และจะสามารถนำผลิตภัณฑ์ไทยสู่เวทีโลกแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตร อีกหลายฝ่ายในการร่วมมือ เพื่อการส่งออกสินค้าอย่างครบวงจร เช่น หอการค้าไทยในจีน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการสินค้าในประเทศจีน เช่น การให้บริการข้อมูลเชิงลึกทั้งการตลาด การจดทะเบียน ช่องทางการจำหน่าย การดำเนินการขอใบอนุญาตต่างๆเป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคมากขึ้น
โดยมีผู้ประกอบการที่หลากหลายที่สนใจส่งสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศกลุ่มเป้าหมายของบริษัท เช่น ผลิตภัณฑ์ของ Fitwhey ซึ่งเป็นผลิตภัณเวย์โปรตีนของบริษัท Food Global Innovation Co., Ltd. และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ของบริษัท CDIP (Thailand) Co., Ltd. ภายใต้แบรนด์สุภาพโอสถ ส่วนสินค้าอื่นๆอยู่ระหว่างการเจรจา เชื่อว่าจะทยอยส่งสินค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อมีการเปิดดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้วในไตรมาส 3/2561 นี้
"บริษัทเล็งเห็นว่าประเทศจีน เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรสูง และมีการเติบโตของชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียนถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเช่นกัน ส่งผลบวกต่อการให้บริการส่งออกสินค้าของ "สยามเกตเวย์"มีความแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต" นายศุภจักร กล่าว