บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) อนุมัติให้เข้าร่วมลงทุนกับบมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) โดยการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ 1 แห่งเพื่อประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมัน บริเวณด้านหน้าคลังน้ำมันพิจิตร คลังน้ำมันนครลำปาง และสถานีสูบถ่ายน้ำมันกำแพงเพชร ของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด
โดยบริษัทย่อยดังกล่าวอยู่ภายใต้ชื่อบริษัท บีพีทีจี จำกัด (BPTG) มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดย PTG ถือหุ้น 60% และ BAFS ถือหุ้น 40% ซึ่งแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในของบริษัท
ด้าน BAFS แจ้งด้วยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ นอกเหนือจากการอนุมัติการร่วมทุนของ PTG เพื่อตั้งบริษัท บีพีทีจี จำกัดดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการยังอนุมัติการเข้าร่วมทุนกับบริษัท ยูนิเวฟ จำกัด เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด เพื่อออกแบบ ผลิต ประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานและอุปกรณ์ให้บริการภาคพื้นอากาศยาน มีทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้น 90%
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายตั้งเป้าหมายในการเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน และก๊าซให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มธุรกิจ Non-oil ต่าง ๆ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับสถานีบริการ
ทั้งนี้ บริษัทคงเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปีนี้เพิ่มขึ้น 20-25% จากปีก่อน และคงเป้า EBITDA เติบโต 40-45% จากปีก่อน รวมถึงตั้งงบลงทุนไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,000-3,300 ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil ราว 500-700 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มขององค์กรในระยะยาว
"เรายังคงเป้าหมายการเติบโตในปีนี้เหมือนเดิม จากการขยายสาขา และปริมาณการขายของสาขาเดิมที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ พีทีจีคาดว่าธุรกิจ non-oil และการเข้าร่วมทุนในธุรกิจต่าง ๆ จะเริ่มส่งผลกำไรที่ชัดเจนมากขึ้น และที่สำคัญเรามุ่งเน้นที่จะสร้างความหลากหลายให้กับสถานีบริการ และเติมเต็มความต้องการของลูกค้า มอบสินค้าที่สดใหม่ การให้บริการที่ประทับใจ และการให้สิทธิประโยชน์จาก บัตร PT Max Card ที่เชื่อมโยงสินค้าและบริการภายใต้เครือข่ายของพีทีจี และพันธมิตรเข้าด้วยกันเพื่อเป็นที่หนึ่งในใจคนไทยทั้งประเทศ" นายพิทักษ์กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 1/61 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.61 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 48.7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 181 ล้านบาท และมีรายได้รวม 24,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,856 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีรายได้อยู่ที่ 20,896 ล้านบาท
การเติบโตของทั้งกำไรสุทธิ และรายได้เกิดจากปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 942 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงการเติบโตของธุรกิจนอนออยล์ ทั้งในส่วนของการจำหน่ายแก๊ส LGP ที่เพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่น ๆ ที่ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของกำไรขั้นต้นต่อลิตรของธุรกิจน้ำมันในไตรมาสนี้ มีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการปรับราคาขายปลีกของอุตสาหกรรมน้ำมันที่สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น และกำไรขั้นต้นจากธุรกิจนอนออยล์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน PTG มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจนอนออยล์คิดเป็น 8.4% จากปีที่แล้วที่ 7.1%
ในช่วงที่ผ่านมาบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTG (PTG ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%) เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน บริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด หรือ JTC จำนวน 315,000 หุ้น หรือในสัดส่วน 70.00% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยบริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งการผลิตอาหารสำเร็จรูปประเภท Chilled Food, Frozen Food และการให้บริการจัดแคเทอริ่งให้กับโรงแรมชั้นนำ เป็นต้น