บมจ.เมกาแคม(ประเทศไทย) หรือ MGT เปิดเผยว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นเข้าทำรายการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) ของบริษัท ซี.เอ็ม.เจ.แองเคอร์ จำกัด เป็นบริษัทจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ประกอบกิจการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทเอทานอล ในการนี้ บริษัทย่อยจะรับโอนทรัพย์สินและกิจการของซี.เอ็ม.เจ. รวมทั้งสินทรัพย์ หนี้สิน สัญญาต่างๆ ลูกข้าง ใบอนุญาตและสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของซีเอ็มเจ และรับโอนที่ดินอันเป็นที่ตั้งสถานประกอบการของบริษัทจากนายพิชาญ มหาชนก (กรรมการผู้จัดการของซีเอ็มเจ) โดยมีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 152 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับโอนกิจการทั้งหมดจำนวนไม่เกินจำนวน 140 ล้านบาท และรับโอนที่ดินจำนวนไม่เกิน 12 ล้านบาท และบริษัทย่อยจะชำระค่าตอบแทนให้แก่ซี.เอ็ม.เจ. และนายพิชาญ มหาชนก เป็นเงินสดทั้งจำนวน ภายหลังการโอนกิจการทั้งหมด ซี.เอ็ม.เจ.จะจดทะเบียนเลิกบริษัทและดำเนินการชำระบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติให้บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อรับโอนกิจการของซี.เอ็ม.เจ. และรับโอนที่ดินซึ่งเป็นสถานประกอบการของซี.เอ็ม.เจ.จากนายพิชาญ โดยมีทุนจดทะเบียนจำนวน 155 ล้านบาทซึ่ง MGT ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 80 ของทุนจดทะเบียน หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 124 ล้านบาท นายพิชาญ มหาชนก ถือร้อยละ 18 ของทุนจดทะเบียน หรือคิดเป็นมูลค่า 27.9 ล้านบาท และนางสาวสุมณฑา ผู้บริหารของบริษัท ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 2 หรือคิดเป็นมูลค่า 3.1 ล้านบาท ทั้งนี้ เหล่งเงินทุนของ MGT มาจากกระแสเงินสดของบริษัท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและการดำเนินงานของบริษัท
การเข้าทำรายการดังกล่าวเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายของบริษัทในส่วนของแผนขยายธุรกิจที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจปัจจุบัน โดยลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต และเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด ซึ่งจะช่วยต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นโดยรวม บริษัทคาดว่าจะได้รับประโยชน์ดังนี้ ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีและมั่นคง ทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา ซีเอ็มเจมีผลการดำเนินงานที่มีผลกำไรอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นทุกปี
รวมทั้งบริษัทฯสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดครอบคลุมสินค้าอุตสาหกรรมด้านอื่นมากยิ่งขึ้น เช่น อุตสาหกรรมน้ำหอม สเปรย์ น้ำยาระงับกลิ่นกาย และอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าที่ต้องใช้เอทานอลเป็นส่วนประกอบเป็นต้น อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงของบริษัท ในการพึ่งพาลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมหลักเดิม และเป็นการกระจายความเสี่ยง โดยมีกลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์อื่นมากยิ่งขึ้น รวมทั้งร่วมใช้ทรัพยากร บุคคลากร ความรู้และความชำนาญที่มีอยู่ ส่งเสริมเกื้อกูลกัน (Synergy) ทั้งในแง่เครือข่ายลูกค้า ผู้จัดจำหน่าย หน่วยงานกำกับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน