บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/61 มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจำนวน 386.7 ล้านบาท เป็นการขาดทุนลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้าที่มีผลขาดทุน 1,152 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาส 1/61 กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวม 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้รายได้เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก
ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหารลดลง 4.3% จากไตรมาสแรกปีก่อนหน้า ซึ่งหากไม่รวมธุรกรรมจากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (Digital Telecommunications Infrastructure Fund หรือ DIF) ในปี 60 เพื่อการเปรียบเทียบผลการดาเนินงานได้อย่างเหมาะสม พบว่า EBITDA เติบโต 26.2% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า และ 2% จากไตรมาสก่อนหน้า
ในขณะที่ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 37% ในไตรมาส 1/61 เพิ่มจาก 31.6% ในไตรมาส 1/60 และ 36.5% ในไตรมาส 4/60
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/61 ทรูมูฟ เอช มีฐานผู้ใช้บริการรวมเพิ่มขึ้นเป็น 27.63 ล้านราย ประกอบด้วยผู้ใช้บริการในระบบรายเดือนจำนวน 7.07 ล้านราย และผู้ใช้บริการในระบบเติมเงินจำนวน 20.56 ล้านราย โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 4.12 แสนรายในระหว่างไตรมาส ขณะที่ผู้ให้บริการรายใหญ่รายอื่นมีฐานลูกค้ารวมกันลดลงสุทธิ 8.46 แสนราย
ฐานผู้ใช้บริการที่เติบโตทั้งในตลาดรายเดือนและเติมเงิน และการใช้บริการด้านข้อมูลหรือดาต้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของลูกค้า ทำให้รายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 1/60 เป็น 1.8 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 1/61 ขณะที่ผู้ให้บริการรายใหญ่รายอื่นมีรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโตรวมกันเพียง 2% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประเทศไทยยังคงแข่งขันและมุ่งเน้นเสนอบริการข้อมูลที่น่าดึงดูดใจ แพ็กเกจหลากหลายที่พ่วงกับการขายเครื่องโทรศัพท์และคอนเทนต์ รวมถึงการจูงใจให้ลูกค้าเปลี่ยนจากการใช้บริการแบบเติมเงินมาเป็นแบบรายเดือนโดยการเติบโตที่แข็งแกร่งเหนืออุตสาหกรรมของทรูมูฟ เอช ทั้งด้านฐานลูกค้าและรายได้ ยืนยันความแข็งแกร่งของเครือข่าย มูลค่าแบรนด์และแคมเปญด้านการตลาดที่ได้รับผลตอบรับที่ดีต่อเนื่อง
ผู้ให้บริการในตลาดบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตของประเทศไทย ยังคงมุ่งขยายโครงข่ายไฟเบอร์และเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตให้แก่ลูกค้า โดยทรูออนไลน์ ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต จากโครงข่ายไฟเบอร์ที่ครอบคลุมและมีคุณภาพสูง รวมถึงแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์คุ้มค่าที่ผนวกบริการ คอนเทนต์ และสิทธิพิเศษหลากหลายภายใต้กลุ่มทรูได้อย่างลงตัว ทำให้รายได้บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตของทรูออนไลน์เติบโตสูง 15.2% จากไตรมาสแรกปีก่อนหน้า เป็น 6.3 พันล้านบาท และมีผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 1.15 แสนราย ในไตรมาส 1 ปี 2561 ทาให้มีฐานลูกค้าบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต เพิ่มขึ้นเป็น 3.3 ล้านราย
นอกจากนี้ กลุ่มทรูยังได้เข้าร่วมโครงการเคเบิ้ลใต้น้า Southeast Asia – Japan 2 consortium (SJC2) ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างประเทศและประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการใช้งานบรอดแบนด์ด้วยแบนด์วิธที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ตลอดจนลูกค้ากลุ่มองค์กรที่กาลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล
ทรูวิชั่นส์ มีคอนเทนต์คุณภาพจานวนมากที่พร้อมสรรพ และนeเสนอแพ็กเกจที่ตรงใจลูกค้าในทุกระดับตั้งแต่ระดับแมสไปจนถึงระดับพรีเมียม ประกอบกับการจัดอีเว้นท์ดนตรีชั้นนาในไตรมาส 1/61 ผลักดันรายได้ทรูวิชั่นส์ให้เติบโต 4% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 3.1 พันล้านบาท
ขณะเดียวกัน คอนเทนต์ของทรูวิชั่นส์ได้ถูกถ่ายทอดผ่านแพลตฟอร์มอื่นภายใต้กลุ่มทรู ช่วยตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มความผูกพันของลูกค้าต่อสินค้าและบริการของกลุ่มทรู ทรูวิชั่นส์มีฐานลูกค้ารวมประมาณ 4 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 1/61 โดยจะยังคงเน้นขยายฐานลูกค้าบนระบบค่าบริการสมาชิกเป็นหลักเพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโตต่อไป
กลุ่มทรูจะยังคงมุ่งเน้นเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินและการดำเนินงานผ่านความเป็นเลิศด้านโครงข่ายและการให้บริการ แคมเปญการตลาดที่ปรับให้เข้ากับแต่ละพื้นที่ และการใช้ช่องทางเข้าถึงลูกค้าด้วยนวัตกรรม อาทิ ทรูไอดี ทรูพอยท์ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตอกย้ำความเหนือกว่าของสินค้าและบริการ รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มจากการเป็นลูกค้ากลุ่มทรู ขณะเดียวกันกลุ่มทรูจะยังคงให้ความสาคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและบริหารจัดการต้นทุนทั่วทั้งองค์กร ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของกลุ่มทรูให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง