นางจิตเกษม หมู่มิ่ง ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการเงิน บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) เปิดเผยว่า ปี 61/62 (เม.ย.61-มี.ค.62) บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,400-4,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10-15% อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และอัตรากำไรสุทธิอยู่ในช่วง 40-45% และ 20-25% ตามลำดับ
ทั้งนี้คาดการณ์ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท
มุมมองของผู้บริหารต่อการดำเนินงานในอนาคตระบุว่า จาก ปี 60/61 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จอีกปีหนึ่งสำหรับ VGI โดยสามารถปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ตอบรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน และสามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจสื่อโฆษณา ในฐานะของผู้ให้บริการสื่อโฆษณาครบวงจรที่สามารถเชื่อมต่อการให้บริการรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ หรือ โอทูโอ (O2O) โซลูชั่น รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
ในช่วงปีที่ผ่านมา Rabbit Group ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับ 1 ของประเทศไทย การร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน Rabbit LinePay ระบบการชำระเงินดิจิทัลของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้ VGI สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคกว่า 40 ล้านคน ในทุกจุดของการใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการลงทุน 23% ในบริษัท เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (Kerry Express) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร การเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง O2O ecosystem ของ VGI ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยการขยายขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจไปยังโลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อ VGI ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคผ่านการบริการของ Kerry Express
นอกจากนี้คณะกรรมการของบริษัทฯ ได้อนุมัติแผนการขาย VGI Malaysia ให้แก่ บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ VGI เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการสร้าง O2O ecosystem ให้มีประสิทธิภำพมำกที่สุดในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม VGI ยังมองเห็นศักยภาพในธุรกิจสื่อโฆษณาในต่างประเทศ จึงตัดสินใจขายธุรกิจนี้ให้แก่ MACO ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขยายธุรกิจไปในระดับอาเซียนต่อไป
เพื่อดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทให้สำเร็จลุล่วง ในปีนี้จะมุ่งเน้นการนำฐานข้อมูลของ Rabbit Group มาใช้ประโยชน์ โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นจุดเชื่อมต่อบริการ O2O ที่จะทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทั้ง 360 องศา โดยคาดหวังว่าSynergy จากผลิตภัณฑ์ใหม่และเป็นเอกลักษณ์นี้จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทั้งผู้ถือหุ้นและลูกค้าของบริษัทฯ