บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 99.99% ในบริษัท ไซแมท ซอฟท์ จำกัด (SSOFT) มูลค่าราว 20 ล้านบาท ให้กับบริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) (SPPT) โดย SPPT คาดว่าการลงทุนครั้งนี้จะสร้างรายได้เพิ่มเติม และนำมาต่อยอดทางธุรกิจของบริษัท เนื่องจาก SSOFT เป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบโลจิสติกส์และบริหารการจัดส่งสินค้า
SIMAT แจ้งว่าตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.61 มีมติอนุมัติในหลักการให้จำหน่ายหุ้นสามัญของ SSOFT ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 99.99% พร้อมกับมอบอำนาจให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ/หรือ บุคคลอื่นใดที่ได้รับมอบหมายจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้มีอำนาจในการเจรจา ตกลง และทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ซื้อ โดยกำหนดราคาซื้อขายไม่ต่ำกว่า 60.00 บาทต่อหุ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.61 บริษัทได้เข้าเจรจาและดำเนินการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของ SSOFT แล้วเสร็จ โดยจำหน่ายหุ้นสามัญของ SSOFT จำนวน 299,994 หุ้น รวมถึงเป็นผู้จัดหามาซึ่งหุ้นรวมทั้งหมด 300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็น 100% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วทั้งหมดของ SSOFT ในราคาซื้อขายหุ้นละไม่เกิน 66.67 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 20 ล้านบาท เพื่อขายให้แก่ บริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์ จำกัด ซึ่งทำให้ SSOFT สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยผู้ซื้อจะชำระค่าหุ้นทั้งหมดภายในวันที่ 29 มิ.ย.61
ด้าน SPPT แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 15 ม.ค.61 มีมติอนุมัติให้บริษัท เอสพีพี อินเทลลิเจนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าซื้อกิจการ SSOFT ซึ่งบริษัทได้ทำการตรวจสอบสถานะของ SSOFT จนเป็นที่น่าพอใจแล้ว (Due diligence) และได้เจรจาตกลงราคาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแหล่งงินทุน จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมและนำมาต่อยอดทางธุรกิจของบริษัท เนื่องจาก SSOFT เป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบโลจิสติกส์และบริหารการจัดส่งสินค้า
ทั้งนี้ SSOFT ดำเนินธุรกิจให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจรทั้งการจำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ การพัฒนาซอฟท์แวร์ และการให้บริการบำรุงรักษาทั่วประเทศ โดยพัฒนาซอฟท์แวร์ ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ และบริหารการจัดส่งสินค้า (Logistic Management) ภายใต้ชื่อ Sky Frog ซึ่งจากการศึกษาแผนธุรกิจของ SSOFT พบว่ามีรายได้จากการขายซอฟท์แวร์ขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการประมาณการรายได้และค่าใช้จ่าย SSOFT จะมีกระแสเงินสดและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลดีให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้น