TMB จะขายบลจ.ทหารไทยให้กลุ่ม"พรูเด็นเชียล"ล็อตแรก 65% เสริมความแข็งแกร่ง ก่อนเล็งขายออกทั้งหมด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 26, 2018 07:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารทหารไทย (TMB) แจ้งว่าธนาคารได้เข้าทำสัญญากับ บริษัท พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย จำกัด (พีซีเอแอล) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ อีสท์สปริง อินเวสต์เมนทส์ (สิงคโปร์) จำกัด (อีสท์สปริง) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่พีซีเอแอลถือหุ้นอยู่ทั้งหมดโดยทางอ้อม สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (บลจ. ทหารไทย) โดยภายใต้สัญญาดังกล่าว ธนาคารตกลงที่จะขายหุ้นของ บลจ.ทหารไทย คิดเป็นร้อยละ 65 ให้แก่ พีซีเอแอล รวมทั้งตกลงที่จะขายหุ้นใน บลจ. ทหารไทย ส่วนที่เหลือทั้งหมดอีกร้อยละ 35 ให้แก่ พีซีเอแอลในอนาคตตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญา

ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นตามสัญญาดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ เงื่อนไขข้อบังคับก่อน โดยเงื่อนไขดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่ใช้กันโดยทั่วไปกับสัญญาประเภทเดียวกับสัญญาซื้อขายหุ้นนี้ ซึ่ง รวมถึง การได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บลจ. ทหารไทย จะยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีคุณภาพ ให้กับลูกค้าของธนาคารร่วมกับบริษัทจัดการหลักทรัพย์อื่น ๆ ตามปกติ การเข้าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับอีสท์สปริง ซึ่ง ได้รับรางวัล เอเชีย ฟันด์ เฮาส์ แห่งปี (Asia Fund House) จาก เอเชียนอินเวสเตอร์ (Asianlnvestor) จะช่วยเพิ่มศักยภาพของ บลจ. ทหารไทย และยังเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์การขายกองทุนแบบเปิด (TMB open-architecture) ให้สามารถนำเสนอ ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าธนาคาร ได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินจากธนาคารแห่งสหรัฐอเมริกาเมอริลล์ ลินช์ และธนาคารไอเอ็นจี และที่ปรึกษาทางกฎหมายจากบริษัท อัลเลน แอนด์ โอเวอรี่ ร่วมให้ความเห็นในการกำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆ ตลอดการเจรจาสัญญา

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ TMB กล่าวว่า ธนาคารเล็งเห็นว่า การจับมือเป็นพันธมิตรกับอีสท์สปริงจะส่งผลดีต่อลูกค้าของ บลจ. ทหารไทย และธนาคารโดยรวม เนื่องจากอีสท์สปริงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารสินทรัพย์ในระดับโลกในหลายมิติของการลงทุน มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมูลค่ารวมกว่า 188 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้บริการทั้งลูกค้าสถาบันและลูกค้าบุคคล จากสำนักงาน 10 แห่งในเอเชีย และยังมีสำนักงานที่ลักเซมเบิร์ก ลอนดอน และชิคาโก ซึ่งให้บริการลูกค้าในระดับนานาชาติอีกด้วย ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นว่า อีสท์สปริงจะนำความเชี่ยวชาญที่มีอยู่มาเสริมศักยภาพของ บลจ. ทหารไทย

นอกจากนี้การเข้ามาเป็นพันธมิตรของอีสท์สปริง ยังเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์การให้บริการด้านกองทุนรวมแบบ ‘TMB Open Architecture’ โดยให้ลูกค้าได้มีโอกาสมากขึ้นในการได้รับบริการทางด้านการลงทุนในระดับโลก รวมถึงการเข้าถึงกองทุนรวมชั้นนำจากต่างประเทศที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้า ‘ได้มากกว่า’ จากการใช้บริการของธนาคาร ซึ่ง ‘TMB Open Architecture’ ดำเนินการมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นกลยุทธ์การให้บริการที่ทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง จากการเปิดกว้างทางเลือกในการลงทุนเพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่า จากผลิตภัณฑ์กองทุนรวมคุณภาพที่คัดสรรมาแล้วเพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม

ธนาคารเป็นแกนหลักในการร่วมก่อตั้ง บลจ. ทหารไทย เมื่อปี 2539 โดยในปัจจุบัน เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัท และในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา บลจ. ทหารไทยมีผลการดำเนินงานที่ดีและมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีสูงถึง 26%

นายปิติ กล่าวอีกว่า บลจ. ทหารไทย จะยังคงบริหารงานโดยผู้บริหารชุดเดิมซึ่งมี นายสมจินต์ ศรไพศาล เป็นกรรมการผู้จัดการ ต่อไป อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญจากอีสท์สปริง เข้ามาช่วยเติมเต็มศักยภาพ โดยกองทุนรวมของ บลจ. ทหารไทยที่ลูกค้าถืออยู่จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ลูกค้าจะได้รับประโยชน์และโอกาสสร้างผลตอบแทนมากขึ้นจากความเชี่ยวชาญของอีสท์สปริงซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งให้ บลจ. ทหารไทย ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในเรื่องของความรู้ความชำนาญและเครือข่ายที่มีอยู่ในระดับโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ