บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) เผยผลประกอบการไตรมาส 2/61 พลิกมีกำไรสุทธิ 91.93 ล้านบาท หลังรายได้จากการเดินเรือเพิ่มขึ้น ตามรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือที่เพิ่มขึ้นจากตลาดค่าระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองแข็งแกร่ง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือลดลง
PSL แจ้งว่าในไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 91.93 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 5.2 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้จากการเดินเรือสุทธิ (รายได้จากการเดินเรือสุทธิจากรายจ่ายท่าเรือและน้ำมันเชื้อเพลิง) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2560 แม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่าเงินจากสกุลเหรียญสหรัฐอเมริกาเป็นสกุลบาทในไตรมาสนี้ต่ำกว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในไตรมาส 2/60 รายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือที่เพิ่มขึ้นจาก 9,206 เหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 2/60 เป็น 10,767 เหรียญสหรัฐในไตรมาส 2/61 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดค่าระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 กองเรือของบริษัทฯ มีจำนวน 36 ลำ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินเรือลดลงร้อยละ 6 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560 โดยมีสาเหตุหลักเนื่องมาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่าเงินจากสกุลเหรียญสหรัฐอเมริกาเป็นสกุลบาทนั้นได้ลดลง อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือ (OPEX) (รวมค่าเสื่อม/ค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือ) เพิ่มขึ้นจาก 4,322 เหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 2/60 เป็น 4,519 เหรียญสหรัฐในไตรมาส 2/61 โดยมีสาเหตุหลักเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันมีค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้น 21.61 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560 สาเหตุหลักเนื่องมาจากค่าธรรมเนียมวิชาชีพและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับอู่ต่อเรือ Sainty
ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาเช่าระยะยาว จนถึงอีก 4 ปีข้างหน้า (ปี 61-65) เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 16.6 ด้วยรายได้ที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 150.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อเมื่อดัชนีค่าระวางเรือ BDI มีทิศทางที่ดีขึ้น บริษัทจะเริ่มทำสัญญาเช่าเรือระยะยาวมากขึ้น