บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 อยู่ที่ระดับ 1,796 ล้านบาท ลดลงจากระดับกำไรสุทธิ 2,830 ล้านบาทในไตรมาส 2/60 โดยมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และรายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าการเงิน จำนวน 13,513 ล้านบาท ลดลง 0.3% จากงวดปีก่อน โดยรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลดลงจากค่าพลังไฟฟ้ำ (CP) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ลดลง อันเนื่องมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงานระยะที่ 2 (โครงการที่ 2) ที่ได้หมดอายุลง ซึ่งการหมดอายุของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าว ยังทำให้ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับกฟผ.ลดลง 1.7%
ทั้งนี้ สัญญาจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงานระยะที่ 2 จำนวน 2 สัญญา (โครงการ 1 และ 2) ที่หมดอายุลงในปี 2560 ได้ถูกต่ออายุออกไปอีก 3 ปี โดยมีกำลังผลิตตามสัญญา 60 เมกะวัตต์ต่อสัญญา ลดลงจาก 90 เมกะวัตต์ต่อสัญญา โดยในช่วงที่สัญญาได้ถูกต่ออายุออกไปอีก 3 ปี บริษัทไม่ได้รับค่าพลังไฟฟ้า (CP)
อย่างไรก็ตามในส่วนของรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น จากอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 5.1% แม้ว่าปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าจะลดลง 3.7% รวมถึงราคาจำหน่ายไอน้ำเพิ่มขึ้น 2.9% จากราคาก๊าซฯที่เพิ่มขึ้น 5% ถึงแม้ว่ายอดจำหน่ายไอน้ำลดลงเล็กน้อยประมาณ 0.2% เป็น 2,028.0 กิโลตัน
ขณะที่มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 6.8% มาที่ 10,149 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเชื้อเพลิงทั้งราคาถ่านหิน ,ราคาก๊าซธรรมชาติ รวมถึงมีต้นทุนซ่อมบำรุงที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/61
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/61 บริษัทมี Normalized Net Profit (NNP) ซึ่งคือกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ที่ไม่รวมผลจากการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน 1,820.5 ล้านบาท และบวกกลับด้วย ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 303.41 ล้านบาท และผลต่างสุทธิของค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 23.62 ล้านบาท ดังนั้น ในไตรมาสที่ 2/61 บริษัทมี NNP ส่วนของบริษัทใหญ่ 2,157 ล้านบาท ลดลง 23.7% จากไตรมาส 2/60
ณ วันที่ 30 มิ.ย.61 บริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 3,207 เมกะวัตต์ และมีกำลังผลิตไอน้ำทั้งสิ้น 1,206 ตัน/ชั่วโมง