บมจ. อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง (AMANAH) ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 60 บริษัทมีผลประกอบการกำไรสุทธิ 37.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 52.24 ล้านบาท เมื่อพิจารณาด้านรายได้รวม พบว่าบริษัทฯมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นในอัตรา 25.60% จาก 120.58 ล้านบาทในไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้นเป็น 151.45 ล้านบาทในไตรมาส 2/61
การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมมาจากการเติบโตของพอร์ตธุรกิจสินเชื่อเช่าซี้อรถยนต์ใช้แล้ว และอัตราผลตอบแทน (Yield) ของพอร์ตที่สูงขึ้นเป็นหลัก และการเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่มาจากการติดตามลูกหนี้ที่มีคำพิพากษาแล้ว โดยเพิ่มขึ้น ประมาณ 93.23% จาก 5.33 ล้านบาทในไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้น เป็น 10.30 ล้านบาทในไตรมาส 2/61
สำหรับรายการหลักที่มีรายได้ลดลงได้แก่ รายได้จากสัญญาเช่าดำเนินงาน โดยในไตรมาส 2/60 มีจำนวน 2.96 ล้านบาท ลดลงมาที่ 2.29 ล้านบาทในไตรมาสนี้ หรือคิดเป็นลดลง 22.49% สาเหตุมาจากการครบกำหนดสัญญาเช่ารถยนต์จากผู้เช่าบางส่วน โดยบริษัทมีนโยบายจะยกเลิกการประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ (Operating lease) เมื่อทุกสัญญาเช่าทั้งหมดครบกำหนดอายุสัญญา
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้า (inventory finance) ที่ลดลง โดยในไตรมาส 2/60 มีจำนวน 2.74 ล้านบาท ลดลงเหลือ 1.03 ล้านบาทในไตรมาสนี้ คิดเป็นลดลง 62.52% สาเหตุเนื่องจากมีการชำระหนี้ปิดบัญชีไป 1 ราย ปัจจุบันบริษัทมีคงเหลือลูกค้าสินเชื่อประเภทนี้เพียง 1 ราย วงเงิน 50 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะยกเลิกการให้สินเชื่อเพื่อซี้อสินค้า (inventory finance) โดยจะมุ่งไปที่สินเชื่อ ATM เพราะเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทน (yield) ที่สูง และเป็นสินเชื่อที่ให้แก่ลูกค้ารายย่อยเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit risk diversification)
สำหรับด้านค่าใช้จ่าย บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายรวมลดลง 38.02% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จาก 169.77 ล้านบาท ลดลงเป็น 105.22 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลจากการลดลงของค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงประมาณ 60 ล้านบาท และรายการขาดทุนและประมาณการด้อยค่าของ NPA ที่มีจำนวนลดลงประมาณ 8 ล้านบาท